รีวิว ก้านกล้วย
อนิเมชั่นจากฝีมือคนไทยเรื่องที่ชอบที่สุดจนขอยกให้เป็นอนิเมชั่นไทยที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยดูมา เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ดูก้านกล้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เวลาก็ผ่านมานานจนหลงๆ ลืมๆ เนื้อเรื่องไปบ้างจนมาตอนนี้ netflix เอามาลงก็เลยลองกลับมาดูอีกสักที
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นอิงประวัติศาสตร์โดยใช้ช้างชื่อ “ก้านกล้วย” เป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่อง เรื่องราวว่าด้วยการที่ก้านกล้วยลูกช้างกำพร้าต้องการตามหาพ่อที่ตัวเองไม่เคยได้พบ จนนำพาไปสู่การพานพบมิตรภาพ ความรัก ความกล้าหาญ ความเสียสละมากมาย อนิเมะผู้หญิง
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นที่ฉายความเป็นไทยออกมาชัดเจนมาก ทั้งฉากภูมิทัศน์ต่างๆ แม้แต่ก่อนเมฆบนฟ้าถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าเป็นลายไทย ตัวละครมีความชัดเจนมีเอกลักษณ์จดจำได้ง่าย และด้วยเพราะเป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์จึงมีบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง “พระนเรศวร” อยู่ในเรื่องด้วย
นี่เป็นอีกจุดที่ประทับใจทุกครั้งที่ดูก้านกล้วย เพราะเหตุผลในการเลือกช้างทรงของพระนเรศวรนั้นมีมากกว่าเลือกตามตำราคชลักษณ์ อนิเมชั่นมีการปูเรื่องราวมาตั้งแต่ก้านกล้วยวัยเด็กและพระนเรศวรวัยเด็กว่าเคยได้พบกันมาก่อน เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เข้ากับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน อีกทั้งยังมีการใส่ฉากที่ก้านกล้วยละทิ้งการแข่งขันเพื่อวิ่งออกมาหาแม่ ซึ่งทำออกมาได้ดีมากเพราะมีการไต่ระดับอารมณ์มาตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้วว่าความต้องการของก้านกล้วยคือพ่อแม่ ดูอนิเมะ
แต่แม้จุดหมายคือการได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้า แต่สิ่งได้มาระหว่างการเดินทางก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลย ตั้งแต่การพลัดพรากจนได้พบมิตรภาพ ได้เติบโต ได้เรียนรู้ชีวิต ตรงนี้แอบให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดู Lion king ผสม Mulan คือดูมีความเป็นไทยแต่เข้าใจง่ายแบบสากลที่ชาติไหนดูก็รู้เรื่องรู้บริบท
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นไทยเรื่องเดียวละสายตาตอนดูไม่ได้ ด้วยเสน่ห์ของเรื่องราว ภาพ เพลง การดำเนินเรื่อง เราชอบและประทับใจถึงขนาดตั้งคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาที่ดูว่าใครเป็นคนเขียนบท ใครกำกับ ใครวาด เป็นอนิเมชั่นไทยที่ยกขึ้นหิ้งไปแล้วจริงๆ สำหรับตัวเรา
รีวิว ก้านกล้วย
อนิเมชั่นจากฝีมือคนไทยเรื่องที่ชอบที่สุดจนขอยกให้เป็นอนิเมชั่นไทยที่ดีที่สุดตั้งแต่เคยดูมา เชื่อว่าหลายๆ คนคงเคยได้ดูก้านกล้วยกันมาตั้งแต่เด็ก การ์ตูนที่เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ไทย เวลาก็ผ่านมานานจนหลงๆ ลืมๆ เนื้อเรื่องไปบ้างจนมาตอนนี้ netflix เอามาลงก็เลยลองกลับมาดูอีกสักที
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นอิงประวัติศาสตร์โดยใช้ช้างชื่อ “ก้านกล้วย” เป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่อง เรื่องราวว่าด้วยการที่ก้านกล้วยลูกช้างกำพร้าต้องการตามหาพ่อที่ตัวเองไม่เคยได้พบ จนนำพาไปสู่การพานพบมิตรภาพ ความรัก ความกล้าหาญ ความเสียสละมากมาย เว็บดูอนิเมะ
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นที่ฉายความเป็นไทยออกมาชัดเจนมาก ทั้งฉากภูมิทัศน์ต่างๆ แม้แต่ก่อนเมฆบนฟ้าถ้าสังเกตก็จะเห็นว่าเป็นลายไทย ตัวละครมีความชัดเจนมีเอกลักษณ์จดจำได้ง่าย และด้วยเพราะเป็นการ์ตูนอิงประวัติศาสตร์จึงมีบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อย่าง “พระนเรศวร” อยู่ในเรื่องด้วย
นี่เป็นอีกจุดที่ประทับใจทุกครั้งที่ดูก้านกล้วย เพราะเหตุผลในการเลือกช้างทรงของพระนเรศวรนั้นมีมากกว่าเลือกตามตำราคชลักษณ์ อนิเมชั่นมีการปูเรื่องราวมาตั้งแต่ก้านกล้วยวัยเด็กและพระนเรศวรวัยเด็กว่าเคยได้พบกันมาก่อน เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เข้ากับธรรมชาติได้อย่างกลมกลืน อีกทั้งยังมีการใส่ฉากที่ก้านกล้วยละทิ้งการแข่งขันเพื่อวิ่งออกมาหาแม่ ซึ่งทำออกมาได้ดีมากเพราะมีการไต่ระดับอารมณ์มาตั้งแต่เริ่มเรื่องแล้วว่าความต้องการของก้านกล้วยคือพ่อแม่
แต่แม้จุดหมายคือการได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้า แต่สิ่งได้มาระหว่างการเดินทางก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่ากันเลย ตั้งแต่การพลัดพรากจนได้พบมิตรภาพ ได้เติบโต ได้เรียนรู้ชีวิต ตรงนี้แอบให้ความรู้สึกเหมือนกำลังดู Lion king ผสม Mulan คือดูมีความเป็นไทยแต่เข้าใจง่ายแบบสากลที่ชาติไหนดูก็รู้เรื่องรู้บริบท ก้านกล้วย สปอย
การดำเนินเรื่อง
ก้านกล้วยเป็นอนิเมชั่นไทยเรื่องเดียวละสายตาตอนดูไม่ได้ ด้วยเสน่ห์ของเรื่องราว ภาพ เพลง การดำเนินเรื่อง เราชอบและประทับใจถึงขนาดตั้งคำถามอยู่ในใจตลอดเวลาที่ดูว่าใครเป็นคนเขียนบท ใครกำกับ ใครวาด เป็นอนิเมชั่นไทยที่ยกขึ้นหิ้งไปแล้วจริงๆ สำหรับตัวเรา ดูการ์ตูนอนิเมะ
ประเทศไทยของเรานั้น มีสัญลักษณ์ที่แสดงความเป็นเอกราชและอิสระคือช้าง และช้างนั้นถือได้ว่าเป็นสัตว์ที่เป็นของพรีเมี่ยมของไทยเลยทีเดียว เพราะว่าช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาทั้งในการทำศึกสงครามต่าง ๆ หรือแม้แต่การเดินทาง ซึ่งหากพูดถึงช้างแล้ว เด็กไทยหลาย ๆ
คนน่าจะเคยได้ยินชื่อช้างที่อยู่ในภาพยนต์อนิเมชั่นชื่อดังอย่าง “ก้านกล้วย” มาบ้างแล้ว ซึ่งเนื้อเรื่องในภาพยนต์นั้นบอกเล่าถึงความเป็นมาของช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชครั้งที่ทำสงครามยุทธหัตถี และหลาย ๆ คนก็มีความเข้าใจผิดว่าช้างพระที่นั่งนั้นมีชื่อว่าก้านกล้วยจริง ๆ
แท้จริงแล้วนั้น ชื่อก้านกล้วย เป็นเพียงแค่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาเพื่อให้เนื้อเรื่องในภาพยนตร์นั้นมีความน่ารักและสดใสมากขึ้น แต่ในประวัติศาสตร์แท้จริงนั้น ช้างพระที่นั่งของพระนเรศวรมีชื่อว่า พลายภูเขาทอง (หรือในชาวกรุงเก่าเรียกขานว่า พลายพุทรากระแทก) ซึ่งหลังจากพลายภูเขาทองได้ขึ้นระวางเป็นช้างพระที่นั่งของพระนเรศวรจึงได้แต่งตั้งให้มือชื่อว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ และหลังจากการทำสงครามยุทธหัตถีและได้รับชัยชนะจึงได้รับพระราชทานนามว่า เจ้าพระยาปราบหงสาวดี นั่นเอง ก้านกล้วย เรื่องย่อ
พล็อตเรื่อง
ในปีพ.ศ. 2135 พระเจ้านันทบุเรง เป็นพระราชาของชาวพม่า ได้รับสั่งให้ทหารสองแสนสี่หมื่นคน มาตีกรุงศรีอยุธยาเพื่อหวังจะให้กรุงศรีนั้นตกเป็นเมืองขึ้น แต่สมเด็จพระนเรศวรทรงทราบจึงได้เตรียมไพร่พลไปตั้งค่ายรอทัพอยู่ที่สุพรรณบุรี และเมื่อถึงคราวรบนั้น พระนเรศวรทรงทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชาได้ทรงช้าง อยู่ใต้ร่มไม้
ซึ่งขณะนั้นฝั่งพระนเรศวรเองก็กำลังเสียเปรียบกองทัพของฝั่งหงสา จึงได้ตรัสถามกับทางพระมหาอุปราชาไปว่า “พระเจ้า พี่เราจะยืนอยู่ใยในร่มไม้เล่า เชิญออกมาทำยุทธหัตถีด้วยกัน ให้เป็นเกียรติยศไว้ในแผ่นดินเถิด ภายหน้าไปไม่มีพระเจ้าแผ่นดินที่จะได้ยุทธหัตถีแล้ว” ดูการ์ตูนอนิเมะ
เมื่อพระมหาอุปราชาได้ยินดังนั้น จึงไสยช้างมาเพื่อทำยุทธหัตถีร่วมกันกับพระนเรศวร ซึ่ง ณ ตอนนั้นพระมหาอุปราชาได้ทรงช้างนามว่า พลายพันธกอ ซึ่งมีขนาดใหญ่และสูงกว่าเจ้าพระยาไชยานุภาพอย่างมาก และเมื่อพลายพันธกอได้วิ่งเข้าชนเจ้าพระยาไชยานุภาพ จึงทำให้เจ้าพระยาไชยานุภาพเสียหลัก พระมหาอุปราชาจึงได้สบโอกาสโดยใช้พระแสงของ้าวฟันพระนเรศวร แต่พระองค์ทรงเบี่ยงหลบทันจึงทำให้พระมหาอุปราชาฟันไปโดนพระมาลาหนัง(หมวก)ของพระองค์แทน
จากนั้นเจ้าพระยาไชยานุภาพจึงได้พุ่งเข้าชนพลายพันธกอกลับจนเสียหลักเช่นกัน สมเด็จพระนเรศวรจึงใช้แสงของ้าวฟันพระมหาอุปราชา และฟันโดนที่พระอังสะขวา(บ่า) ทำให้พระมหาอุปราชาสิ้นพระชนม์อยู่บนคอช้างในทันที ก้านกล้วย เนื้อเรื่อง
หลังจากการทำสงครามสิ้นสุดลง เจ้าพระยาปราบหงสวาดีก็ได้ล้มลงในปี พ.ศ.2139 หลังจากการทำศึกยุทธหัตถี 4 ปี สมเด็จพระนเรศวรก็ได้โปรดให้มีการสร้างเมรุและพระราชมทานเพลิงศพอย่างสมเกียรติเจ้าพระยา โดยได้โปรดให้มีงานมหรสพถึง 7 วัน 7 คืน และหลังจากนั้นสมเด็จพระนเรศวรก็ไม่ได้ทรงช้างเชือกไหนอีกเลย
รีวิว ก้านกล้วย บทสรุป
วีรบุรุษผู้มี 4 ขา 2 งา และ 1 งวง ช้างศึกผู้สร้างเกียรติประวัติสูงสุดให้แก่ช้างไทย ในฐานะช้างคู่พระบารมีแห่งสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อครั้งสงครามยุทธหัตถี
ชื่อของเขาคือ “เจ้าพระยาปราบหงสาวดี” หรืออีกนามหนึ่งว่า “ก้านกล้วย”
นี่คือเรื่องราวการเติบโตของช้างเชือกหนึ่ง จากลูกช้างซุกซนใช้ชีวิตอิสระอยู่ท่ามกลางป่าลึก แต่แล้วด้วยความอยากรู้เรื่องของพ่อที่หายไปได้นำเขาออกเดินทางสู่การผจญภัยครั้งยิ่งใหญ่ผ่านหลากหลายเหตุการณ์ซึ่งให้บทเรียนใหม่ๆ เปลี่ยนให้เขากลายเป็นช้างที่กล้าแกร่งเต็มไปด้วยพละกำลัง ในขณะที่จิตใจกลับอ่อนโยน
บรรดาตัวละครต่างๆ ที่เขาได้พบระหว่างการเดินทาง อาทิเช่น “จิ๊ดริด” นกพิราบสื่อสารขี้โม้, “ชบาแก้ว” ช้างสาวผู้น่ารักและแสนงอน, “ติ่งรูและรถถัง” ช้างรุ่นพี่และรุ่นอาซึ่งเขาได้พบในหมู่บ้าน, “บุญเรือง” ช้างศึกแห่งเมืองหลวง และที่สำคัญ “แสงดา” แม่ซึ่งก้านกล้วยจากมา ล้วนเป็นส่วนที่เข้ามาเติมเต็มสร้างสีสันและความสนุกสนาน พร้อมกันนั้นก็ให้บทเรียนต่างๆ ซึ่งเป็นเสมือนการเตรียมความพร้อมให้เขาก้าวสู่การเป็นช้างศึกเชือกสำคัญในประวัติศาสตร์
นอกจากนี้การใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับมนุษย์และการได้พบกับผู้คนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น “สมเด็จพระนเรศวรฯ” มหาราชผู้เกรียงไกรของชาติไทย, “ลุงมะหูด” หัวหน้าครูฝึกช้าง, “มังคุด” เด็กมนุษย์ตัวน้อยผู้บริสุทธิ์สดใส ฯลฯ ยังทำให้ก้านกล้วยได้เรียนรู้ถึงมิตรภาพระหว่างคนและช้างอันนำไปสู่การเสียสละตัวเอง โดยเดินหน้าเข้าสู่สงครามอย่างนักรบผู้กล้า
เช่นเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำมาเมื่อครั้งอดีตสุดท้าย ขณะอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ และต้องเผชิญหน้ากับศัตรูผู้น่าเกรงขามเขาก็ได้รับบทเรียนครั้งสำคัญที่สุด นั่นก็คือการเอาชนะความกลัวในจิตใจตัวเอง ก้านกล้วย บทสรุป
เมื่อมีชัยเหนือตัวเองก็ไม่มีสิ่งใดในโลกที่จะทำให้เขาพรั่นพรึงได้อีกต่อไป และจุดนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นช้างผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง แม้จุดหมายแรกคือการตามหาพ่อ แต่ในที่สุดก้านกล้วยกลับได้พบสิ่งที่มีความหมายยิ่งกว่า นั่นก็คือมิตรภาพ ความกล้าหาญ และความเสียสละซึ่งอยู่ในตัวเขาเอง เป็นจิตวิญญาณของพ่อที่อยู่กับเขามายาวนาน และนี่คือบทสรุปที่ล้ำค่ายิ่งสำหรับการเดินทางของเขาในครั้งนี้
โดยรวมหนัง
ก้านกล้วยเป็นเรื่องชีวิตช้างเชือกหนึ่งที่อยู่ในป่า แล้วจับพลัดจับผลูไปเป็นทหารช้างในศึกยุทธหัตถีช่วงสงครามที่พระนเรศวร ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ตอนนั้นกรุงศรีอยุธยาตกเป็นเมืองขึ้นของพม่าครั้งแรก
และตามท้องเรื่อง “ก้านกล้วย” เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยให้กอบกู้เอกราชคืนได้ในที่สุด
อย่างแรกที่รู้สึกเวลาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ กราฟฟิคสวยมาก! ทั้งแสง สี การเก็บรายละเอียดสวยมากจริงๆ ขอยกตัวอย่างเช่น ภายในท้องพระโรงที่ก้านกล้วย และแม่เดินเข้าไป จะมีอยู่ภาพหนึ่งที่ห่วงสำหรับใส่งาช้างที่เคยเป็นของพ่อก้านกล้วยตกลงกับพื้นมันปลาบ แค่ภาพนั้นภาพเดียวก็เกินพอแล้ว นั่นคือ ตัวลวดลายของห่วงที่ว่ามีลายไทย
(ซึ่งศิลปะไทยต่างกับเทศก็ตรงนี้ เมืองไทยเน้นรายละเอียดวิจิตรบรรจง ภาพนี้แสดงศิลปะไทยออกมาจนหมดเชียว) และพื้นมันวาวสะท้อนท้องพระโรงที่เต็มไปด้วยภาพเขียน ซึ่งแค่แวบเดียวที่โผล่ออกมา ก็เห็นได้ชัดว่าผู้จัดทำตั้งใจกับมันมากแค่ไหน ก้านกล้วย สนุกไหม
แต่สำหรับการออกแบบตัวก้านกล้วย เพื่อนๆ และรูปร่างมนุษย์ ก็ทำให้เห็นชัดเจนดี เหมาะสำหรับเด็ก เพราะดูง่ายเหลือเกินว่าใครเป็นพระเอก ใครเป็นผู้ร้าย อย่างก้านกล้วยเป็นช้างสีฟ้า มีแฟน (ชื่ออะไรไม่รู้จำไม่ได้ ขออภัย) ก็เป็นช้างสีชมพู มีดอกไม้ทัดหู หน้าหวานเจี๊ยบด้วย เป็นตัวกำกับเพศ แล้วพอเป็นช้างฝ่ายพม่าก็ตัวสูงใหญ่ สีทะมึน
นัยน์ตาแดงดุจโลหิต มีรอยบากที่ตา (ลองนึกภาพ อารมณ์ประมาณโจรหนังไทยที่ต้องปิดตาข้างหนึ่ง หรือไม่ก็ตามีรอยบาก อารมณ์นั้นเลย ซึ่งเป็นกรรมวิธีค่อนข้างโบราณอยู่สักหน่อย แต่ก็ใช้ได้ดี ดูออกง่าย) คาดว่าคนที่ออกแบบเข้าใจว่าอะไรที่มันน่ารักๆจะต้องดูอ้วนๆละมั้ง ก้านกล้วยเลยกลายเป็นช้างตาโต แก้มป่อง งวงบวมเหมือนโดนผึ้งต่อย
ตลอดเวลาๆ ตอนเด็กๆก็ดูน่ารักอยู่ อีตอนโตขึ้นมามันก็เลยดูพิกลๆน่ะ ส่วนการออกแบบมนุษย์ก็ใช้หลักการเดียวกันกับช้าง มันก็เลยกลายเป็นคนหัวโต ตัวเล็กไป ซึ่งก็ดูน่ารักดี โดยส่วนตัวชอบตาลุงที่ก้านกล้วยไปอยู่ด้วย แกตลกดี แล้วก็หาเสียงคนพากย์ได้ดีก็เลยดูกลมกลืนกันไปหมด
เรื่อง “ก้านกล้วย” ก็ยังมีจุดเด่นจุดด้อยต่างกันไป แต่ก็ถือว่าจุดดีมีมากกว่า จึงเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งที่น่าจะพาลูกพาหลานไปดู เพราะนอกจากได้ความบันเทิงแล้ว ยังช่วยสนับสนุนวงการอนิเมชั่นไทยให้ต่อยอดให้ยิ่งๆขึ้นไปอีก การ์ตูน ดิสนีย์ netflix