รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร (jujutsu kaisen)
เรื่องราวของ ‘อิตาโดริ ยูจิ’ เด็กหนุ่มวัยมัธยม ที่ถึงแม้ว่าเขาจะมีพลังกายมหาศาล แต่เขาก็ปฎิเสธที่จะเข้าชมรมกีฬา และเลือกที่จะมาสิงอยู่กับชมรมเรื่องเร้นลับแทน ในวันหนึ่งอิตาโดริได้ไปนำวัตถุต้องคำสาปที่ถูกเก็บอยู่ในศาลเจ้าของโรงเรียนมาให้กับพวกรุ่นพี่ในชมรม ขณะเดียวกัน ‘เมงุมิ’ นักเรียนโรงเรียนไสยเวทที่ได้รับหน้าที่ให้มายังโรงเรียน
เพื่อนำผนึกต้องสาปไปซ่อมแซมผนึกใหม่ แต่กลับพบว่าวัตถุต้องสาปไม่อยู่แล้ว หลังจากเมงุมิสัมผัสได้ว่าอิตาโดริเป็นคนนำวัตถุต้องคำสาปไปจึงได้ตามอิตาโดริไปจนถึงโรงพยาบาลที่คุณปู่ของอิตาโดริรักษาตัวอยู่ แต่วัตถุต้องสาปก็ไม่ได้อยู่กับอิตาโดริเช่นกัน เขาบอกกับเมกุมิว่ามันอยู่กับพวกรุ่นพี่ และพวกเขาจะทำการแกะผนึกที่โรงเรียนในคืนนี้
เมงุมิและอิตาโดริจึงรีบเดินทางไปที่โรงเรียน แต่ก็ไม่ทันผนึกคำสาปได้ถูกพวกรุ่นพี่แกะออก ทำให้วิญญานต้องสาปถูกปลดปล่อยออกมาทั่วโรงเรียน เมงุมิและอิตาโดริช่วยพวกรุ่นพี่ออกมาได้สำเร็จ แต่อิตาโดริกลับถูกเล่นงานโดยปีศาจต้องสาปที่ถูกผนึกนามว่า ‘สุคุนะ’ อิตาโดริที่ถึงแม้จะเป็นเด็กนักเรียจอมพลัง แต่เขาไม่มีพลังไสยเวทแม้แต่น้อย
เขาจึงตัดสินใจที่จะกลืนวัตถุต้องคำสาปเข้าไปเพื่อให้ได้รับพลังไสยเวทตามคำแนะนำของเมงุมิ ทำให้อิตาโดริเอาชนะสุคุนะได้ แต่เขากลับก็ต้องกลายเป็นภาชนะวิญญานของสุคุนะนับจากนั้น เรื่องราวของเหล่าเด็กนักเรียน และปีศาจไสยเวทจะเป็นอย่างไรต่อไป การผจญภัยแบบไหนที่จะรอพวกเขาอยู่ ติดตามชมและเอาใจช่วยกันให้ได้นะคะ ดูอนิเมะ
รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร (jujutsu kaisen)
ถ้าถามว่าใครที่ยังไม่เคยดูตัวซีรีส์ภาคหลักมาก่อน จะดูรู้เรื่องมั้ย ตอบเลยว่าดูรู้เรื่องแน่นอนครับ เพราะนี่เป็นเรื่องราวของเหล่ารุ่นพี่ของพวกอิตาโดริ ยูจิ ที่โรงเรียนไสยศาสตร์แห่งนครโตเกียว 1 ปีก่อน เป็นช่วงที่พวกเซนอิง มาคิ, แพนด้า, อินุมาคิ โทเงะ และ อกคทสึ ยูตะ ยังเพิ่งเป็นแค่นักเรียนปี 1 ของโรงเรียนไสยเวทย์นั่นเองครับ เว็บดูอนิเมะ
อนิเมะเรื่องJujutsu Kaisen : Zero มหาเวทย์ผนึกมาร ซีโร่ เพื่อน ๆ คงจะรู้เนื้อเรื่องกันเป็นอย่างดีแล้วเพราะสร้างมาจากหนังสือการ์ตูน เอาเป็นว่าจะเล่าคร่าว ๆ ในเรื่องความสนุกและน่าสนใจของเรื่อง โดยผลงานอนิเมะเรื่องนี้เป็นการเล่าเรื่องราวของอคคตสึ ยูตะหนุ่มน้อยผู้ที่ถูกคำสาปให้อยู่ร่วมกับโอริโมโตะ ริกะ เด็กสาวที่เป็นที่รักของยูตะ
ในครั้งเมื่อพวกเขายังเด็กมาก ๆ แต่ริกะได้เสียชีวิตไปแล้ว การหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งของเขาทั้งสองคนก็มีความทรงจำดี ๆ มากมาย แต่อยู่มาวันหนึ่งยูตะถูกพวกอันธพาลมาทำร้ายเขา ริกะเมื่อเห็นคนที่กำลังรักกำลังโดนทำร้ายก็ใช้ร่างปีศาจในการทำร้ายพวกอันธพาลกลับ ด้วยเหตุนี้ทำให้ยูตะต้องโทษในเหตุการณ์ในครั้งนี้ เขาได้ไปเป็นเด็กใน
การดูแลของโกโจ ซาโตรุดูแลเพื่อไม่ให้ปล่อยริกะออกมาอีก ในระหว่างที่ได้รับการดูแลจากอาจารย์โกโจ ซาโตรุที่โรงเรียนก็ได้มีกลุ่มคนที่ต้องการให้ยูตะร่วมใช้พลังในการทำร้ายคนที่ไม่มีเวทมนตร์ แต่หนุ่มยูตะก็ไม่เห็นด้วยจนกลายมาเป็นศึกสงครามกันเกิดขึ้น ภาพรวมเนื้อเรื่องของอนิเมะเรื่องนี้เอาไปเลย 9/10 ในตอนพิเศษที่เพื่อน ๆ
ไม่ควรพลาดและไม่สามารถที่จะหาดูได้ในตอนอื่น ๆ คือการลงรายละเอียดในตัวละครที่เป็นเพื่อนของยูตะ ที่จะได้เห็นถึงมิตรภาพที่สุดแสนประทับใจดูแล้วน้ำตาไหลเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีปมความรักที่จะมาดึงดราม่าน้ำตาแตกอีกครั้ง ขอบอกเลยว่าไม่ดูคือพลาดมาก มหาเวทย์ผนึกมาร สปอย
การดำเนินเรื่อง
แค่เปิดเรื่องมาก็ชวนเข้าโหมดดาร์กแล้ว เพราะมาถึงก็ทำเห็นว่าพลังคำสาปของตัวยูตะน่ากลัวเพียงใด แถมที่มาของพลังก็เป็นโศกนาฏกรรมที่ชวนให้รู้สึกเศร้าและหดหู่สะเทือนใจเป็นอย่างมาก จนเราแทบจะรู้สึกจิตตกตามตัวละครไปด้วย และที่สำคัญคือการดึงอารมณ์ของตัวนักพากย์ยิ่งทำให้เข้าถึงอารมณ์ได้มากยิ่งขึ้นไปอีก ดูการ์ตูนอนิเมะ
แต่หลังจากที่ยูตะยอมรับพลังคำสาปของตัวเองและเริ่มเรียนรู้ที่จะใช้มัน ก็เป็นการเข้าเรียนในโรงเรียนไสยเวทย์ อารมณ์ตรงนี้ก็เหมือนตอนยูจิเข้ามาโรงเรียนไสยเวทย์ใหม่ๆ เหมือนกัน สร้างมิตรภาพ เรียนรู้การใช้พลังของตัวเองไปเรื่อยๆ และการออกปฎิบัติภารกิจกำจัดวิญญาณคำสาปพร้อมกับเพื่อนอีก ซึ่งนอกจากจะได้เห็นที่มาที่ไปของยูตะแล้ว เราจะได้เห็นความสัมพันธ์ของยูตะกับพวกมาคิ, แพนด้า และโทเงะ มหาเวทย์ผนึกมาร สปอย
และผู้ใช้คำสาประดับพิเศษในภาคหลักที่มีส่วนในภาคนี้ ซึ่งก็มีเป้าหมายที่ชัดเจนเกี่ยวกับตัวยูตะ แล้วการดำเนินเรื่องค่อนข้างเร็วและรวบรัด ทำให้เราเห็นพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของตัวยูตะ ทั้งฝีมือและการใช้พลังคำสาปที่เก่งขึ้น ทำให้เราเห็นฉากแอคชั่นต่อสู้ได้รวดเร็วอยู่เหมือนกัน และมันไม่ใช่แค่การต่อสู้ทางพลัง แต่ยังเป็นการต่อสู้ทางตรรกะความคิดของตัวละครเหมือนสงครามประสาทบลัฟใส่กันไปมา
พล็อตเรื่อง
แต่สำหรับคนที่อ่านมังงะในภาคนี้มาแล้ว บอกเลยว่าการดำเนินเรื่องค่อนข้างถอดแบบออกมาจากมังงะเป๊ะๆ เลยละครับ แต่ที่ทำให้ตัวเรื่องในภาพยนตร์มันดูยืดได้ก็คือการใส่ฉากที่เป็นบรรยากาศต่างๆ ของเรื่องที่มันสวยจนเกินบรรยาย และฉากต่อสู้ที่คิดว่าในมังงะว่าเดือดแล้ว ในตัวมูฟวี่นี้เดือดกว่ามาก บวกกับเพลงประกอบที่ดึงอารมณ์ให้เร้าใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นเร้าใจมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ดูอนิเมะ
แต่อย่างที่บอกว่าตัวเรื่องดำเนินตามมังงะมาเลยเป๊ะๆ ถึงการดำเนินเรื่องที่รวดเร็วและรวบรัด มันก็เลยรู้สึกว่าเวลาที่ดูมันผ่านไปเร็วมากเช่นกัน แต่ยังดีที่เพิ่มเนื้อหามาเซอร์วิสที่ไม่มีอยู่ในมังงะมาเซอร์ไพรส์ในช่วงท้ายให้รู้สึกว้าวอยู่บ้าง มหาเวทย์ผนึกมาร เนื้อเรื่อง
แนว ต่อสู้, ผจญภัย, เหนือธรรมชาติ
จำนวนซีซั่น 1 ซีซั่น
จำนวนตอน 24 ตอน
สถานะเนื้อเรื่อง ยังไม่จบ
กำกับโดย ซองฮู พัก
ผู้ผลิต MAPPA
รีวิว มหาเวทย์ผนึกมาร (jujutsu kaisen) บทสรุป
อย่างผลงานอนิเมะหลายเรื่องที่ผ่านมาปัญหาส่วนใหญ่ของการลดคะแนนลง ก็มาจากเสียงพากย์ที่ยังไม่ส่งอารมณ์มาให้คนดูได้อย่างเต็มที่ จนบางครั้งทำให้อรรถรสทางด้านการรับชมหยุดลง แต่ในผลงานอนิเมะเรื่องนี้โดยส่วนใหญ่ในเรื่องการพากย์ถือว่าดีมาก ๆ เข้าถึงอารมณ์คนดูเป็นอย่างมาก โดยได้ 2 นักแสดงที่มาร่วมพากย์ด้วย
อย่างสาวน้อยอ๊ะอายและหนุ่มหล่อเจเจ ขอบอกเลยว่าเป็นการพากย์ที่สนุกสนานและมันส์มาก ๆ โดยสาวน้อยอ๊ะอายภาพเสียงของตัวละครโอริโมโตะ ริกะ สาวน้อยผู้เป็นที่รักของยูตะ แต่ต้องมาจากโลกนี้ไปด้วยอุบัติเหตุ ด้วยความอ๊ะอายก็จะมีแก้วเสียงที่ให้ความสดใสอยู่แล้ว ยิ่งไปพากย์เสียงตัวละครริกะ ยิ่งทำให้องค์ประกอบของเนื้อหาบนจอ
และเสียงที่ฟังมันช่างสนุกสนานและสดใสอะไรอย่างงี้ หนุ่มเจเจได้พากย์เสียงอินุมาคิ โทเงะ มหาเวทย์ผนึกมาร บทสรุป ตัวละครนี้มีความว้าวในตัวด้วยความที่ได้รับการสืบทอกวาจาคำสาป ดังนั้นคำพูดคำจาของโทเงะก็จะพยายามใช้คำพูดอื่นที่ไม่ทำร้ายเพื่อน ๆ เช่นคำว่า แซลม่อน จะเป็นการตอบรับ ซึ่งเจเจก็สามารถพากย์เสียงตัวละครนี้ได้น่าดูและสนุกสนานเป็นอย่างมาก
ทั้งจังหวะในการพูดและอารมณ์ของตัวละครที่ส่งออกมาก็ถือว่าปังเอาเรื่องอยู่ ภาพรวมเสียงตัวละครก็คือนุ่มละมุน ดึงอารมณ์คนดูให้คล้อยตามได้เป็นอย่างดีเอาไปเลย 8/10
โดยรวมหนัง
สรุปในส่วนของเนื้อเรื่องที่เน้นไปทางความรักระหว่างยูตะและริกะที่เปรียบได้ทั้ง ‘คำสาป’ และ ‘พลังเวทย์’ ถือว่าทำออกมาให้ทั้งแฟน ๆ ที่ไม่เคยอ่านมังงะมาก่อน และผู้ชมใหม่สามารถอินไปกับเนื้อเรื่องและเข้าใจกับมันได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ตัวยูตะเองก็ค่อนข้างจะมีพัฒนาการคล้ายกับพระเอกอนิเมะโชเน็นทั่วไป อย่างเช่นจู่ ๆ ก็แข็งแกร่งกว่าปกติ เมื่อเห็นเพื่อนร่วมชั้นของตนถูกทำร้าย
ส่วนฉากต่อสู้สุดอลังการต่าง ๆ ของภาพยนตร์ก็สามารถทำให้ตื่นเต้นและสะใจไปกับตัวละครได้ นอกจากนั้นแล้ว สำหรับแฟน ๆ ที่ติดตามซีรีส์อนิเมะมาก่อน ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็มีเหล่าตัวละครรองจากซีรีส์อย่าง อินุมากิ, เซนอิน, และแพนด้าเข้ามามีบทบาทสำคัญอีกเช่นกัน ซึ่งหากหนึ่งในนั้นเป็นตัวละครโปรดของคุณอยู่แล้วล่ะก็ ด้วยปมต่าง ๆ ที่ถูกเผยในภาพยนตร์ บอกได้ว่าจะทำให้คุณรักพวกเขามากขึ้นครับ
ในส่วนของงานภาพแอนิเมชันต่าง ๆ ก็ได้ทีมสตูดิโอ MAPPA มาจัดการอีกครั้ง ซึ่งหากคุณชอบงานจากตัวซีรีส์อนิเมะอยู่แล้ว ก็บอกได้ว่าคุณจะไม่ผิดหวังกับตัวภาพยนตร์อย่างแน่นอน โดยเฉพาะฉากต่อสู้ในเรื่องที่แอนิเมชันออกมาได้มันมาก ๆ ครับ
นอกจากนั้นแล้ว ในส่วนของเพลงก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่ว่าจะเพลงเปิด, เพลงจากตัวอย่าง หรือเพลงในฉากต่อสู้ต่าง ๆ ก็ทำออกมาได้มันสะใจมาก ๆ สำหรับใครที่เป็นสายชอบเพลงแนว Epic ผสมกับร็อกล่ะก็ บอกได้เลยว่าเพลงจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องติดหูกันยาว ๆ อย่างแน่นอน
ในเรื่องของความประทับใจในผลงานอนิเมะเรื่องนี้ก็คงจะเป็นในเรื่องของการตีโจทย์ให้คนที่ไม่เคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องนี้มาก่อน สามารถที่จะเข้าถึงเนื้อเรื่องของตัวละครได้ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องที่ดูน่าสนใจและเข้าใจง่าย ไม่แปลกใจเลยทำไมคนถึงชอบเรื่องนี้ อีกหนึ่งความประทับใจที่ต้องพูดถึงคือการเก็บรายละเอียดในทุกฉากทุกตอน
ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องดูเข้มข้นไม่เบาจนเกินไป ขอบอกเลยว่าสำหรับใครที่เคยเพียงอ่านหนังสือการ์ตูนในเรื่องนี้แต่ยังไม่เคยที่จะลองมาดูในเวอร์ชั่นอนิเมะเลย ขอให้ลองเปิดใจในการลองให้ตัวเองได้มาเห็นตัวละครที่เรารักบนจอภาพยนตร์อีกสักครั้ง รับรองเลยว่าสนุกครบรสไม่น้อยกว่าการอ่านหนังสือการ์ตูนแน่นอน ฉากที่ประทับใจและเป็นอีกหนึ่ง
ความทรงจำในเรื่องนี้ก็คือความรักระหว่างยูตะกับริกะที่มันงดงามเกินคำบรรยาย ถึงแม้โชคชะตาจะพรากเขาทั้งสองให้จากกัน แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างตัวละครทั้งสองตัวกลับเป็นเรื่องราวที่ดีและน่าจดจำมาก ๆ เลย พูดแล้วน้ำตาจะไหล อย่าลืมไปตามดูกันน้า สนุกมากกก
สุดท้าย ในส่วนของพากย์ไทยก็ได้ดารารับเชิญอย่าง ‘อ๊ะอาย’ วง 4EVE (ให้เสียงพากย์ ‘โอริโมโตะ ริกะ’), ‘เจเจ’ กฤษณภูมิ พิบูลสงคราม (ให้เสียงพากย์ ‘อินุมากิ โทเกะ’) และ ‘บีมเซนเซย์’ สิษฐารัตน์ ปี่ทอง (ให้เสียงพากย์ ‘มิมิโกะ’) มาร่วมงาน แต่เนื่องจากทางเราได้บัตรรอบ Soundtrack ก็บอกได้แค่ว่างานพากย์ญี่ปุ่นนั้นทำออกมาได้ดีมาก ๆ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของซับไทยก็มี Transition ที่ไวไปหน่อย เลยทำให้ในหลาย ๆ ช่วงผู้ชมอาจจะอ่านไม่ค่อยทันกันครับ
ติดตามรีวิวหนังการ์ตูนอนิเมะเรื่องอื่นๆได้ที่ การ์ตูน ดิสนีย์ netflix