รีวิว Beowulf ขุนศึกโค่นอสูร
นานเป็นสัปดาห์ๆ แล้วนะ ที่ไม่ได้เดินเข้าโรงหนังเลย วานนี้ก็เลยขอเข้าดูหนังในโรงเสียหน่อย แก้อาการอยากดูหนังในโรงได้ชะงัดเชียว ตอนแรก เปิดดูตารางฉาย ยังเห็น Stardust ฉายอยู่เลยอยากไปดู แต่อีกคนเขาคงอยากไปดูเรื่องอื่นมากกว่า ทำให้ความฝันอยากดูสะเก็ดดาวต้องเป็นหมัน เอาไว้เช่าดูก็แล้วกันเนอะ วันนี้ไปดูนักรบผู้ปราบอสูรก่อนก็แล้วกัน ใช่แล้ว! ผมไปดูเรื่อง Beowulf มาครับ
ผมรู้สึกเหมือนว่า ไอ้เรื่องนี้เนี่ย มันถูกโปรโมตมาตั้งนานแล้วนะ ไม่ยอมเข้าฉายสักที ก็ให้สงสัยว่า มันถูกกระแสเรื่องอื่นเบียดบังหรือไง แต่ในที่สุด มันก็เข้าจนได้ และกลายเป็นหนังใหญ่ที่สุดในโรงเวลานี้ เรื่องราวของมัน เหมือนกับจะถูกนำมาถ่ายทอดหลายครั้งหลายคราแล้วละ แต่ผมไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักกับมันสักที ไม่เคยรู้ว่ามันเป็นเรื่องอะไร ดูตัวอย่างยังไม่เข้าใจเลยว่างั้นเถอะ วันนี้ จะได้เข้าใจสักทีแล้วนะ
Beowulf (เบวูล์ฟ) เป็นขุนศึกนักรบที่พิฆาตเหล่าสัตว์อสูรมาแล้วทั่วพิภพ จนวันหนึ่งได้ยินข่าวว่า มีอสูรร้ายอีกตนหนึ่งที่เข้ามาทำร้ายถึงในหอสุราของพระราชาร็อตการ์ (Hrothgar) ในทุกครั้งที่เกิดเหตุร่ำสุราจนเสียงอื้ออึงไปถึงหูของมัน อสูรร้ายตนนั้น ชื่อ เกรนเดล (Grendel)
เบวูล์ฟเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อช่วยเมืองของพระราชา ผู้ซึ่งสัญญาจะยกสเหสีสุดที่รักให้ แล้วเขาก็ทำสำเร็จ ก่อกวนอสูรร้ายแกรนเดลจนมันบุกมาติดกับ เมื่ออสูรร้ายบาดเจ็บและไปตายในอ้อมอกของ… มารดา ผู้ซึ่งกลับมาแก้แค้นภายหลังด้วยวิธีการอันแยบยล
น่าสงสาร ผู้ชายส่วนใหญ่บนโลก ก็คงมีท่าที่กร้าวแกร่งไม่แพ้เบวูล์ฟ แต่ผู้ชายที่ไหนๆ บนโลกก็คงไม่อาจจะมีชัยเหนืออิสตรีผู้เลอโฉมไปได้ น่าเสียดาย ที่เขากลับไปต้องสเน่ห์สาวงามผู้โหดร้าย ทุกอย่างที่เขาได้มาด้วยสัญญา ทำให้เขาต้องสูญเสียความภาคภูมิไปตลอดชีวิตเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียว
เบวูล์ฟเป็นเหมือนนิทาน เป็นเหมือนตำนาน ที่เล่าขานและมีชื่อเป็นที่รู้จักเยี่ยงพระอภัยมณี ที่เป็นรู้จักถ้วนทั่วในบ้านเรา บางคนคงเคยได้อ่าน (แต่ผมไม่เคย) มันอาจยืดยาว น่าเบื่อ น่าหลับ แต่ Robert Zemeckis กลับเล่าเรื่องได้น่าตื่นเต้น เร้าใจ ไม่ง่วง
บางคนอาจนึกเชื่อมโยงไปถึง 300 แต่ผมว่า มันไม่เชื่อมโยงกันสักเท่าไหร่ ภาพอาจจะสวยเหมือนกัน แต่โทนของภาพนั้นสว่างกว่าเยอะ 300 ดูโหดเหี้ยมรุนแรง ทว่า เบวูล์ฟกลับดูเป็นแฟนตาซีกว่า การถ่ายทำก็เป็นอีกเรื่องที่ผมสนใจ ภาพดูเหมือนกับใช้คอมพิวเตอร์สร้างขึ้น แต่กลับเคลื่อนไหวได้แนบเนียนดั่งใช้มนุษย์จริง
เพิ่งมารู้ทีหลังว่า เขาใช้เทคนิค Motion Capture แบบเดียวกับที่ใช้ใน The Polar Express ก็เลยเพิ่งได้ร้องอ๋อ…
แต่ผมว่า ม้าในเรื่องยังวิ่งไม่เนียนเท่าไหร่นะ…
บทพูดในเรื่องนั้น ดูกร้าวแกร่ง และหม่นหมอง ได้ตามอารมณ์จริง แม้จะเป็นบทกวีที่ใครๆ ในโลกวันนี้จะไม่ใช้พูดกันเลยก็ตาม แต่เนื้อหากลับให้คติสอนใจเราได้อย่างดียิ่ง อำนาจ วาสนา เงินทอง สตรี อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก ทั้งหมดเป็นเพราะกิเลส ตัณหา ของเราทั้งนั้น ที่อยากได้มาเป็นของตัวเอง อยากได้มันจนต้องแลกเปลี่ยนกับความชั่วร้าย…
ใครที่ไม่เคยได้อ่านเรื่องนี้ ก็คงจะรู้สึกคล้ายๆ ผมว่า เออ มันมีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้นมาตั้งแต่ต้น และมีบางจุดที่หนังเผยให้รู้แค่เพียงบางส่วน (ให้เราฉงนเล่น ว่างั้นเถอะ) ก่อนที่จะมาเฉลยอีกครั้ง เมื่อใกล้ตอนไคลแมกซ์
มังกรทองในเรื่อง ทำได้สุดยอดมากๆ น่าเสียดาย ตัวโต๊โต .. หัวใจเล็กเท่ามนุษย์
ผมว่า ผู้ชายทุกคนที่ได้เข้าไปดูเรื่องนี้ ก็คงต้องตะลึงตาค้างกับภาพของอสูรร้ายผู้มีส่วนสัดหยุดโลก (ที่แสดงโดย Angelina Jolie) เป็นแน่แท้ อารมณ์ของคุณคงเป็นอารมณ์เดียวกับที่เบวูล์ฟรู้สึกอยู่ คุณหลงไหลในภาพที่เห็น แม้คุณจะรู้ว่าเธอร้ายขนาดไหน แต่ก็ไม่อาจห้ามใจไว้ได้ (ยกเว้น คุณจะเป็นเกย์ กรณีนี้ คุณอาจหลงไหลในเบวูล์ฟแทน)
หนังมีบทสรุปที่ดี และทิ้งท้ายให้คุณได้คิดต่ออีกนิด ว่าอยากให้มันดำเนินเรื่องไปทางไหน…
รีวิว Beowulf ขุนศึกโค่นอสูร
จากบทกลอนความยาว 3,000 ประโยค บอกเล่าถึงนักรบไวกิ้งหนุ่มผู้็แข็งแกร่ง นามว่า “เบวูล์ฟ” วีรบุรุษผู้ปราบสัตว์ประหลาดจากศตวรรษที่ 6 กลายมาเป็นหนังอะนิเมชั่น-แฟนตาซี ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องของเทคนิคด้านภาพ และสไตล์ในการเล่าเรื่อง . . .
บทหนังของนีล ไกแมน และโรเจอร์ อะเวรี่ เปิดเรื่องด้วยงานเลี้ยงฉลองในยามค่ำยืนของกษัตริย์ชราแห่งอาณาจักณเดนมาร์คโบราณ “ฮร็อธการ์” (แอน
โธนี่ ฮ็อพกิ้นส์) ทุกผู้คนในงานต่างดื่มกินและเต้นรำกันอย่างสนุกสนานในโรงเหล้าที่เพิ่งสร้างขึ้นมา
ใหม่
ทว่า . . เสียงดังจากงานเลี้ยงทำให้อสูรรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ตนหนึ่ง (คริสพิน โกลเวอร์) โกรธ จนต้องบุกเข้ามาทำลายงานเลี้ยง และสังหารผู้คนอย่างเหี้ยมโหด “เกรนเดล” คือชื่อของมัน . .
เกรนเดลเกลียดการส่งเสียงดัง มันเจ็บปวดทุกครั้งที่ได้ยินเสียงแบบนี้ จึงต้องออกมาอาละวาดทำร้ายผู้คน มีเพียงฮร็อธการ์คนเดียวเท่านั้นที่
เกรนเดลไม่ได้แตะต้อง . . บัดนี้ ทั่วทั้งอาณาจักรเดนมาร์คตกอยู่ในความหวาดหวั่น . . .
วันรุ่งขึ้น พระราชาเฒ่าสั่งปิดโรงเหล้าทันที พร้อมกับป่าวประกาศเชิญผู้กล้ามาปราบปรามปีศาจร้าย .. แต่แล้วผู้กล้าก็มาเยือน เมื่อนักรบหนุ่มผู้กล้าชาวไวกิ้ง “เบวูล์ฟ” (เรย์ วินสโตน) พร้อมนักรบคู่ใจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาอาสาปราบอสูรร้ายให้ ..
ความรู้สึกหลังดู
เบวูล์ฟเตรียมการล่อให้เกรนเดลปรากฎตัวด้วยการสั่งเปิดโรงเหล้าและจัดงานฉลองอีก
ครั้ง . . คืนนั้นเกรนเดลก็ออกมาอาละวาดตามที่คาด เบวูล์ฟทำการต่อสู้กับเกรนเดลอย่างกล้าหาญ และได้กระชากแขนของมันจนขาด เกรนเดลหนีซมซานกลับไปยังถ้ำ และตายในอ้อมอกของ”นางพญาปีศาจ” แม่ของมัน (แอนเจลิน่า โจลี่)
เมื่อลูกชายสุดรักตายจากไป นางปีศาจคลั่งแค้นและต้องการจะเอาคืน เธอจึงบุกไปยังปราสาทโดยแฝงกายมากับความมืด แล้วมอบความตายให้กับเพื่อนไวกิ้งของเบวูล์ฟ . . เป็นไปตามแผน เบวูล์ฟบุกไปยังถ้ำของเธอ และอย่างที่เห็นกันมาจากหนังตัวอย่าง นางปีศาจยั่วยวนเขา!?
เบวูล์ฟกลับมาปราสาทในฐานะวีรบุรุษผู้พิชิตปีศาจ โดยมีหัวของแกรนเดลเป็นตราประกัน . . ในค่ำคืนเลี้ยงฉลองชัยชนะ กษัตริย์ฮร็อธการ์ทรงแต่งตั้ง
เบวูล์ฟขึ้นเป็นรัชทายาท สืบอำนาจดูแลราชอาณาจักร พร้อมกับมเหสีคนงาม “เวลโธรว์” (รอบิน ไร้ต์ เพนน์) และในคืนนั้นเอง พระองค์ก็สิ้นพระชนม์จากอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝัน!?
50 ปีต่อมา เบวูล์ฟกลายสภาพเป็นกษัตริย์ชราผู้เป็นตำนาน ผู้ต้องทำศึกใหญ่อีกครั้ง ศึกที่พระองค์จะต้องจดจำไปตราบจนวาระสุดท้ายของชีวิต เพราะอาณาจักรของพระองค์ถูกรุกรานโดยมังกร!! บทสรุปของหนังไม่ยากเหนือความคาดเดา แต่เงื่อนงำบางอย่างที่หนังทิ้งไว้ให้ไปขบคิดต่อ ตรงนี้แหล่ะที่น่าสนใจ . . .
เทคนิคพิเศษด้านภาพ “เพอร์ฟอร์แมนซ์ แค็ปเจอร์” ที่ผู้กำกับโรเบิร์ต เซเม็คคิส เคยใช้มาแล้วในงานอะนิเมชั่นเรื่องก่อนอย่าง The Polar Express ก้าวไกลระดับสุดยอด ภาพของนักแสดงที่ผ่านการปรับแต่งให้ดูเหมือนตัวละครในหนังอะนิเมชั่น หรือเกมคอมพิวเตอร์ยุคใหม่ ให้อารมณ์สมจริง แนบเนียน เสมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเดียวกับเบวูล์ฟอย่างไงอย่างงั้น . .
และด้วยเทคนิคภาพเสมือนจริง แต่ไม่จริงนี้ ช่วยลดความรุนแรงทั้งหลายในฉากแอ็คชั่น จำพวกฉีกร่าง กระชากแขน ฯลฯ ให้อยู่ในระดับเดียวกับหนังการ์ตูนได้ดีทีเดียว . . นอกจากนี้ยังทำให้ภาพเรือนร่างสีทอง ผ่องอำไพ สุดเปลือยเปล่าของ
แอนเจลิน่า โจลี่ ในมาดนางพญปีศาจ (กิ้งก่า!?) ไม่เข้าข่ายล่อแหลม อนาจารแต่อย่างใด แต่กลับเข้าข่ายในระดับสร้างงานศิลปะด้วยซ้ำไป (^ ^)
แอนเจลิน่า โจลี่ทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี สมกับที่เซเม็คคิสรับประกันว่าไม่มีใครแสดงบทนางปีศาจร้าย แม่ของแกรนเดลได้ดีเท่ากับเธอ . . หุ่นแสนเซ็กซี่ของโจลี่ ฟิต เฟิร์ม มีเสน่ห์เกินห้ามใจแม้จะมีหางก็ตาม ทั้งยังดูลึกลับ เจ้าเล่ห์ ร้ายกาจ และมีรังสีอำมหิต สมราคาอย่างยิ่งกับการเป็นนางปีศาจ แต่ก็ยังไม่ทิ้งระดับคุณภาพของการแสดง อย่างการถ่ายทอดความเจ็บปวดรวดร้าวของแม่ที่สูญเสียลูกชาย ผ่านเสียงร้องโหยหวนออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม . . .
คริสพิน โกลเวอร์ ผู้รับบทแกรนเดล สัตว์ประหลาด ลูกครึ่งมนุษย์กับปีศาจ ผลผลิตของสัมพันธ์รักต่างสายพันธุ์ ผู้มีชีวิตโดดเดี่ยว มีเพียงแม่เป็นเพื่อน และให้ความรัก การแสดงที่มีมิติของโกลเวอร์ ทำให้ภาพแกรนเดลที่แม้จะอัปลักษณ์ และน่าเกลียดน่ากลัว ดูเป็นเด็กน้อยที่มีพฤติกรรมก้าวร้าว เพราะมีปมด้อย ชวนเวทนา หรือสงสารเสียมากกว่าด้วยซ้ำ
แอนโธนี่ ฮ็อฟกิ้นส์ ในบทของกษัตริย์ชราฮร็อธการ์ ขึ้นจอในมาดชวนสังเวชในสังขาร แต่ภายใต้สังขารที่ชวนให้สังเวช ก็ซ่อนปมวาระซ่อนเร้นบางอย่างให้เป็นปริศนาเช่นกัน ด้วยฝีมือระดับนี้ (ลุง) ฮ็อฟกิ้นส์ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น . .
ส่วนรอบิน ไร้ต์ เพนน์ ในบทราชินีผู้เลอโฉม “เวลโธรว์” ดูช่างคล้ายคลึงกับเจ้าหญิงฟิโอน่าจาก Shrek ก็ไม่ปาน และเป็นเหมือนตัวละครหญิงทั่วไปในแหนังแนวๆนี้ คือเป็นแค่บำเหน็จรางวัลสำหรับพระเอกผู้กล้าเพียงเท่านั้น . . ไม่ต่างไปจากจอห์น มัลโควิช ในบทอันเฟิร์ธ คนสนิทของราชาฮร็อธการ์ ซึ่งก็ทำหน้าที่ดาราสมทบได้ในระดับเดียวกับที่เคยเห็นกันมาในหนังก่อนๆหน้านี้