รีวิว Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo
สำหรับภาพยนตร์3ภาคแรก ได้แก่ Evangelion: 1.0 You Are (Not) Alone , Evangelion: 2.0 You Can (Not) Advance และ Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo ได้ฉายโรงญี่ปุ่น และลงแผ่นในบ้านเราไปแล้ว เมื่อปี 2007, 2009 และ 2012 ตามลำดับ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เคยมีการประกาศชื่อภาคที่สี่ออกมาในชื่อว่า Evangelion: 3.0+1.0 หรือ Shin Evangelion Gekijouban :||
เนื้อเรื่องของอีวาภาคนี้ จะเล่าถึงการอยู่บนโลกที่พังทลาย ที่เกิดจาก พิษของ 3rd Impact โลกหลายส่วนไม่สามารถอาศัยได้ แถมยังมีสีแดงคาวเลือด ย้อมพื้นที่จนน่าสยดสยองด้วย ทำให้กลุ่มวิลเล่ ที่นำโดย มิซาโตะ ต้องหาทางทำให้พื้นที่ที่ย้อมสีแดง กลับมาสู่สภาพเดิม แต่ทว่า อิคาริ เกนโด พ่อของชินจิ กลับเดินงานแผนพัฒนามนุษยชาติต่อ (เพื่ออะไรฟะ? งง) ซึ่งนั่นทำให้มิซาโตะต้องขัดขวางไม่ให้แผนเกนโดสำเร็จ
ใครที่เคยดูอีวานหนังโรง ภาคทีวี , Death & Rebirth , หนังโรงไตรภาคก่อนหน้า จะรู้สึกได้เลยว่า ตัวละคร ชินจิ กว่าจะเป็นผู้เป็นคนได้ ใช้เวลานานมาก แต่นั่นก็ทำให้เราเห็นว่า ตัวละครนี้ ผ่านอะไรมาเยอะจริงๆ และเขาก็ควรจะโตได้แล้วจริงๆ พร้อมบทสรุปที่ “อิ่มเอมหัวใจ” และไม่ได้เล่นใหญ่เว่อวัง ประมาณว่า “ทำน้อย ได้มาก” ประมาณนั้น
และรู้สึกว่า “ถึงเวลาที่นายควรใช้ชีวิตที่นายอยากได้ซักทีนะ ชินจิคุง”
ส่วนตัวละครอื่นๆ เฉลี่ยบทที่ดี (มีเซอร์ไพร้ซ์แฟนๆอนิเมทีวีด้วย ว้าวมาก) และเปลี่ยนทัศนคติต่อตัวละครบางตัวที่ในภาคก่อนๆเราอาจจะไม่ค่อยชอบ แต่ในภาคนี้เรากลับได้เห็นอีกด้านหนึ่ง ทั้ง เรย์(ตัวที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้) อาสึกะ สาวแว่น หรือแม้แต่ “เก็นโด” พ่อชินจิก็ตาม
คุณภาพผลงาน เราไม่ห่วงเลย ภาพสวยงามสะใจจัดเต็ม ทั้ง CG 2D และการใช้เพลงประกอบ ให้จ่ายตังค์ตีตั๋วไปดูในโรงยังได้ งานเนี้ยบ แอคชั่นดุเดือดที่สุด บ้าพลังที่สุด ยังกะ “กุเร็นลากันน์” เลย ยานแม่บู๊มันส์ระดับสงครามเรือรบอวกาศ
แต่หลังๆก็เริ่มออกแนวขี้เกียจเหมือนกันแหละ ดูออก 555 แต่เข้าใจได้ ฟิลดูอีวา มันไม่เนี้ยบแบบ100%หรอก มันจะมีอะไรซักอย่างที่ทำให้ผลงาน “ไม่เต็มร้อย” แต่ “เต็มอารมณ์ร่วม” องค์ประกอบศิลป์ การใช้ทฤษฎีสี การแบ่งสัดส่วนภาพ มีนัยยะหลายๆอย่าง ใครที่เรียนถ่ายภาพน่าจะชอบแคปรูปจากเรื่องนี้ (ถ้าแคปได้อะนะ)
เพลงประกอบไม่ผิดหวัง ตามสไตล์อีวา เล่นใหญ่ อลัง ขนลุก OST ที่ควรหามาฟังหลายเพลง และเพลงจบตบปิดท้ายด้วย One Last Kiss ของ อูทาดะ ฮิคารุ คือเข้ากับเนื้อหาของเรื่องจริงๆ
เป็นการ “ตบหัว แล้วลูบหลังแบบอันโนะ” ทีแท้ทรูมากๆ
ใครที่กลัวดูไม่รู้เรื่อง บอกเลยว่าภาคนี้ มี Recap สั้นๆ 5 นาทีก่อนหนังเต็มฉาย (2 ชม. 30 นาที) ซึ่งก็พอให้คนได้ปะติดปะต่อได้ “บ้าง” แนะนำว่า ขอแค่คุณ “เคยดูหนังโรงรีเมคมาก่อน” ก็น่าจะพอแล้ว ภาคนี้เล่าเรื่องเลส้นตรง เข้าใจไม่ยากในส่วนเนื้อหาจริงๆ
แต่จะงงเรื่องศัพท์ ใครเป็นใคร ชื่อเรียกเฉพาะ หรือ การแสดงออก “ทางพิธีกรรมเชิงศิลปะ” ที่แม้จะดูสวยงาม แต่ต้องอาศัยการตีความพอสมควร
ทำเอาอยากจะดูซ้ำ เก็บดีเทลในฐานะแฟนอนิเมอีวามาตั้งแต่ยุค VCD ไหนๆก็จะจบตำนานแล้ว เอาให้สุดเลย เบิ้ลรอบให้ครบ 7 วันฟรีของ อเมซอน ไพร์มไปเลย 555
รีวิว Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo
พอจะมีเวลาแอบไปหาหนังที่อยากดูบ้าง ก็เลยขอแว้บออกไปโรงหนังสักหน่อย สุขภาพไม่อำนวยแต่เวลาที่ไม่ได้เหลือมากนักก็ทำให้ตัวเลือกไม่ค่อย จำต้องออกไปวันนี้ เพื่อไปชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นระดับสุดยอดของหมู่เกาะญี่ปุ่น นี่เป็นภาคสามแล้วจากสี่ภาค แถมทุกภาคก็ทำรายได้ถล่มทลายมากขึ้นเรื่อยๆ ดูมาสองภาคแล้ว ภาคที่สาม จะพลาดได้ไง “เอวานเกเลี่ยน” ภาคที่สามในโรงภาพยนตร์ SF Cinema
งานนี้ ยังคงเป็น TIGA เจ้าเดิมที่นำเข้ามาฉาย หลังจากได้ผ่านการชม ‘Evangelion 1.0 : You Are (Not) Alone’ และ ‘Evangelion 2.0 : You Can (Not) Advance’ ที่นำเอาของเก่ามาปัดฝุ่นใหม่และเพิ่มเติมเรื่องราวใหม่ๆ เข้าไปบางส่วน ในภาคที่สาม
นี่คือสิ่งที่ของใหม่หมดไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน กับภาคที่มีชื่อว่า ‘Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo’ ที่นายแพทต้องบอกว่า อลังการงานสร้างอย่างมากมายเลยล่ะครับ
สำหรับคนที่ไม่ได้ติดตามอย่างแฟนพันธุ์แท้ของ ‘Neon Genesis Evangelion’ ที่เคยออกอากาศทางทีวีในราวปี 1995 ที่ญี่ปุ่น เมื่อมาชมในภาคภาพยนตร์ก็เรียกได้ว่า ค่อนข้างงงงวยอยู่ไม่น้อย เหมือนบางสิ่งยังคงเป็นปริศนา เมื่อมาถึงภาคที่สาม ดูเหมือนปริศนาบางอย่างถูกเปิดเผยออกมาบ้าง แต่การดำเนินเรื่องของมันก็ยังคงสร้างความงงงวยให้ผมอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
ความรู้สึกหลังดู
เปิดเรื่องมาก็เล่นเอาอึ้งกันไป กับเรื่องราวที่พลิกผันไปอย่างสุดขั้ว ตัวละครตัวเก่าที่กลับมาในบทบาทใหม่ๆ ความเซอร์ไพรส์ที่ใช้เวลายาวนาน มาพร้อมกับภาพที่สุดอลังการผสมผสานทั้งภาพจากการวาดและภาพสามมิติที่สร้างจากคอมพิวเตอร์ อีกรายละเอียดในการปฏิบัติงานก็จัดมาเต็ม กว่าจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ผ่านไปเกือบครึ่งเรื่องเสียแล้ว
สำหรับเรื่องราวย่อๆ ของภาคนี้ มันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังภาค 2.0 ผ่านไป 14 ปี อิคาริ ชินจิ กลายเป็นอดีตนักขับหุ่นรบเอวา ที่พบว่าทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไป คาสึรางิ มิซาโตะ พี่สาวที่เคยดึงเขาเข้ามาร่วมในองค์การเนิร์ฟ ตอนนี้เหมือนเธอกำลังตั้งต้นเป็นศัตรูกับองค์การเดิม
สิ่งที่ต้องชื่นชมสำหรับเอวานเกเลี่ยนภาคนี้ นอกเหนือจากงานภาพที่ทำออกมาได้สุดยอดแล้ว คงต้องยกให้กับเรื่องดนตรีประกอบ ไม่ว่าจะเป็นระหว่างรบที่ทำออกมาได้น่าตื่นเต้นเมื่อประสานไปกับงานภาพ ขณะที่ก็มีบางส่วนที่ผ่อนคลายมาเป็นภาพของความสุนทรี เปียโนตัวเดียวที่ดังก้องไปทั้งโรง และภาพของพวกเขา นี่มัน… มัน… มัน…ชัดๆ นี่
คงต้องเรียกว่าเป็นอะนิเมะระดับเฉพาะทาง มันอาจจะไม่สามารถดูรู้เรื่องได้ในครั้งแรก ระหว่างดู เราก็ไม่ทางรู้เลยว่ามันจะดำเนินไปหรือจบที่ตรงไหน แต่หลังดูจบรู้สึกได้เลยว่า ยังไม่รู้เรื่องเหมือนเคย แม้บางอย่างจะถูกเปิดเผยออกมาบ้าง แต่เพลงประกอบนั้นสุดยอดมาก สุดยอดไปถึงหลังฉากจบที่ต้องนั่งฟังไปพร้อมๆ กับตัวหนังสือญี่ปุ่นที่ลอยขึ้นไปบนฉากหลังสีดำ
แน่นอนว่า แฟนเอวาทุกคนจะรู้ว่า มันมีตัวอย่างตอนต่อไปที่ท้ายเพลงนั้น!
ชื่อภาพยนตร์ : Evangelion: 3.0 You Can (Not) Redo / เอวานเกเลี่ยน 3.0 / Evangelion Shin Gekijou-ban Q Quickening
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Hideaki Anno, Mahiro Maeda, Masayuki, Kazuya Tsurumaki
ผู้เขี่ยนบทภาพยนตร์ : Hideaki Anno (screenplay)
นักแสดงนำ : Megumi Ogata, Megumi Hayashibara, Yûko Miyamura
แนว/ประเภท : Animation, Action, Drama, Sci-Fi
เรท: ไทย/ , USA/
ความยาว: 96 นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Gainax, Khara Corporation, TIGA
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 15 สิงหาคม