รีวิว Fate stay night
เฟต/สเตย์ไนต์ เฮฟเวนส์ฟีล III. สปริงซอง (อังกฤษ: Fate/stay night: Heaven’s Feel III. spring song) เป็นภาพยนตร์อนิเมะเรื่องที่สามและเรื่องสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาคเฟต/สเตย์ไนต์ เฮฟเวนส์ฟีลที่ผลิตโดยยูโฟเทเบิล
และกำกับเรื่องโดยโทโมโนริ ซุโด ที่มีกำหนดออกฉายในปี พ.ศ. 2563 เนื้อเรื่องจะดำเนินต่อจากภาพยนตร์เรื่อง เฟต/สเตย์ไนต์ เฮฟเวนส์ฟีล II. ลอสต์บัตเตอร์ฟลาย โดยเป็นศึกสุดท้ายที่ตัวเอกของเรื่องเอมิยะ ชิโร่จะต้องสู้กับจอมเวทย์และจิตวิญญาณแห่งวีรชนที่เหลือ ขอขอบคุณทาง Japan Anime Movie Thailand สำหรับบัตรในรอบพิเศษมา ณ ที่นี่ด้วยนะครับ
ต้องขอบอกว่าการ Review นี้จะไม่ใช่ในฐานะของแฟน Fate/ Stay Night อันเนื่องจากผู้เขียนรีวิวไม่ได้ติดตามซีรีส์นี้อย่างจริงจัง ฉะนั้นถ้ามีอะไรที่แฟน ๆ อ่านแล้วรู้สึกขัดใจต้องขออภัยล่วงหน้า แต่ทางผมจะหลีกเลี่ยงการพูดประเด็นที่อาจกระทบต่อแฟน ๆ
ในส่วนของภาคนี้ค่อนข้างจะเดินเรื่องเร็วพอสมควร 2 ชั่วโมงแป๊บๆเดียวรู้สึกผ่านไปไวมาก (และที่แน่ๆ ภาคนี้คิเรย์พล่ามปรัชญาเยอะจัดสุดๆ โชคดีที่เคยดูแนวนี้จากเรื่อง Fate/Zero กับ Kara no Kyoukai มาก่อนเลยชินกับแนวนี้ละ 555555+)
ที่จริงผมไม่ได้ชมภาพยนตร์อนิเมะเรื่องนี้สองภาคที่แล้วมาก่อนเนื่องจากหาเวลาไม่ได้ แต่เพราะว่าได้รับความอนุเคราะห์จากทาง JAM ที่ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี่ ก็ได้ไปหาชมสองภาคที่แล้วก่อนไปชมภาคนี้ ปรากฏว่ามันเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่สนุกและเต็มไปด้วยงานสร้างที่มีคุณภาพ แม้ว่าคุณไม่ใช่แฟนซีรีส์ Fate ก็สามารถดูรู้เรื่องได้ในระดับหนึ่ง (แต่ก็จะมีงงหลายจุด)
สำหรับภาคที่ 3 ซึ่งสานต่อจากฉากจบสุดค้างคาในภาค Lost Buttefly ก็สามารถทำได้ตามสิ่งความคาดหวังที่หลาย ๆ คนรอคอย ฉากแอ็คชั่นที่ดุเดือดสไตล์ ufotable ยังคงจัดเต็มให้คุณ และภาคนี้เป็นภาคที่มีฉากแอ็คชั่นมากที่สุดในไตรภาคอีกด้วย
หนัง Fate Stay Night Heavens Feel 3 หรือชื่อไทยว่า เฟด สเตย์ ไนท์ เฮเว่น ฟีล 3 FateStay Night Heavens Feel III. spring song ความปรารถนาของเด็กหนุ่มจะไปถึงตัวของเด็กสาวหรือไม่ สงครามจอกศักดิ์สิทธิ์กำลังจะถึงจุดจบ… การต่อสู้สุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น… ร่วมศึกสุดท้าย 18 มิถุนายนนี้ ที่ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ สาขาที่ร่วมรายการ ปัจฉิมบทแห่งชะตากรรม
สำหรับจุดที่ติอาจจเป็นส่วนตัวของผู้เขียนก็คือ รู้สึกว่าการแบ่งบทตัวละครยังไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งมันเป็นผลมาจากสองภาคก่อนด้วยนั่นคือหลาย ๆ ตัวละครดูจะไม่มีบทมากเท่าไหร่นักทั้งที่ปูเอาไว้มาอย่างดี แต่ตรงนี้เข้าใจว่าภาพยนตร์อนิเมะเป็นการนำเนื้อเรื่องบทหนึ่งจากเกมมาดัดแปลง
ซึ่งบทอื่นตัวละครที่บทไม่ดีเหล่านี้อาจมีความโดดเด่นมากกว่า อีกส่วนก็มาจากการที่คนไม่ได้ตามซีรีส์ Fate อย่างจริงจัง แม้ว่าเราจะเข้าใจเรื่องราวภาพรวมได้ แต่หลาย ๆ จุดภาพยนตร์อธิบายได้คลุมเครือ ไม่เข้าใจ และการตัดฉากอาจทำให้เรางงหรือเรียงลำดับเหตุการณ์ในเรื่องได้ไม่ถูกเท่าไหร่ ซึ่งความรู้สึกส่วนตัวภาคนี้จุดที่พึ่งว่าไปจะมากกว่าสองภาคก่อนด้วย
อย่างไรก็ตามภาครวมทั้งหมด Fate/ Stay Night Heaven’s Feel – III. Spring Song ก็จัดเป็นภาพยนตร์อนิเมะที่ยอดเยี่ยม ทั้งในแง่การสร้างและบทสรุปของเรื่องราวที่ดำเนินมาทั้งหมดได้อย่างลงตัว ผู้ที่ติดตามมาแล้วทั้งสองภาคไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แต่หากใครที่ไม่ใช่แฟนของซีรีส์ Fate หากจะย้อนกลับไปดูสองภาคก่อนเพื่อไปชมภาคนี้ก็รับรู้ถึงความยอดเยี่ยมของมันได้เช่นกัน
รีวิว Fate stay night
ภาคนี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวบทสรุปชะตากรรมของซากุระเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องราวบทสรุปของจอกอันดำมืดและอังรี มายุ ที่เคยถูกปูไว้ใน Fate/Zero อีกด้วย ภาคนี้ จะนำพาพวกเราไปรู้ถึงจุดกำเนิดของจอกศักดิ์สิทธิ์ว่ามีที่ว่าและมีจุดกำเนิดมาได้อย่างไร ในขณะที่ภาคก่อนจะเน้นไปที่เรื่องราวปมของซากุระและเงาดำมืดปริศนา เรียกได้ว่าใครจะดูรูทนี้จนจบจำเป็นต้องดู Fate/Zero
และ Fate/stay night [Unlimited Blade Works] เพราะ Fate/stay night Heaven’s Feel คือบทสรุปเรื่องราวต่างๆของ Fate/Zero ที่ได้ปูมา และในขณะเดียวกันรูทนี้ก็จะมีการกล่าวถึงการละทิ้งอุดมการณ์เป็นผู้ผดุงความยุติธรรมของชิโร่ ที่ถึงว่าแม้ซากุระ จะฆ่าคนไปกี่คนแล้ว แต่ชิโร่ก็ยังคงเลือกที่จะช่วยซากุระต่อไป แม้จะต้องแลกมาด้วยชีวิตของประชากรที่โดนเงาดำกัดกินไปที่ผ่านมาก็ตาม
ซึ่งถ้าใครได้ดูภาค Unlimited Blade Works มาก่อนจะรู้อยู่แล้วว่าชิโร่ค่อนข้างที่จะยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะปกป้องทุกคนอย่างมากอยู่แล้ว และไม่ยอมที่จะให้ใครตายแม้แต่คนเดียวแน่นอน (แต่ใน UBW แกก็ไม่สามารถช่วยอิลิยาจากการถูกกิลฆ่าได้นี่เนอะ……..) และรูท HF นี้ก็ยังมีการกล่าวถึงความสามารถต่างๆของชิโร่ที่ได้รับมาจากอาเชอร์ซึ่งอาจจำเป็นต้องมีพื้นฐานจากการดูรูท UBW มาหน่อยนึง
ความรู้สึกหลังดู
ซึ่งถ้าใครที่งงในช่วงตอนท้ายๆที่ว่าชิโร่กลับมาได้ยังไง แนะนำว่าควรดู Kara no Kyoukai มาก่อนโดยเฉพาะบทที่ 5 นี่จะทำให้เข้าใจเนื้อหาตรงส่วนนี้ในทันที
จบไปแล้วสำหรับโปรเจค Heaven’s Feel รูทที่หลายๆคนรอคอย เอาตามก็อยากเห็นรูทนี้กลับมาลงใหม่ในรูปแบบ TV Series อยู่นะ เพราะน่าจะเติมเต็มรายละเอียต่างๆที่ถูกตัดออกไปจาก Visual Novel พอสมควร แต่ทำมาถึงขนาด 3 ภาคด้วยความยาวทั้งสิ้นรวมๆ 6 ชั่วโมงก็ถือว่าทำออกมาได้ดีเลยทีเดียว
ก็หวังว่าเราคงจะมีโอกาสได้เห็น โปรเจค ร่วมกันระหว่าง Type-moon และ Ufotable อีกครั้ง หวังว่าเรื่องต่อๆไปคงจะเป็น Fate/stay night รูท Fate ฉบับทำใหม่หรือไม่ก็ Fate/Hollow Ataraxia
ส่วน Tsukihime นี่คงน่าจะรอฉบับเกมส์ให้เสร็จก่อนดีกว่า (แต่ดูท่าแล้วโปรเจคต่อไปของ ufotable คงจะเป็นเรื่อง Kimetsu no Yaiba ภาคต่อแบบยาวเลยเพราะกระแสดังฮิตแบบถล่มทลายมาก)
เปิดประสบการณ์การรับชมภาพยนตร์ 4DX สุดสมจริงที่เหนือระดับ เก้าอี้ที่สั่นเสมือนคุณได้เข้าร่วมต่อสู้พร้อมกับเหล่า “เซอร์แวนท์” ด้วยตัวเอง และแสงกับการปลดปล่อยพลังด้วย “โนเบิ้ล แฟนทาสม์” สุดตระการตา สู่สงครามปิดฉากเส้นทางสุดท้ายที่ทุกคนต่างรอคอย เมื่อ “มาโต้ ซากุระ” และ “เซเบอร์” เซอร์แวนท์ของ “เอมิยะ ชิโร่” เองก็ได้ถูกความมืดของจอกศักสิทธิ์กลืนกินทำให้เปลี่ยนกลายเป็นคนละคน ทำให้ “เอมิยะ ชิโร่”
และ “โทซากะ ริน” ต้องหาทางช่วยเหลือซากุระและจบสงครามจอกศักดิ์สิทธิ์นี้ให้ได้ “เมื่อสงครามแห่งจอกศักดิ์สิทธิ์เดินทางมาถึงบทสรุปสุดท้าย ผลสรุปจะลงเอยเช่นไร ?”
ฉันติดตาม Fate/Stay Night ผ่านนิยายภาพและภาคต่อของ Fate/Zero ดังนั้นฉันจึงไม่มีปัญหาในการติดตามเรื่องนี้ มันทำให้ฉันคลั่งไคล้! แอนิเมชั่น สี และเงานั้นดูโดดเด่นและสวยงามเหมือนกับงานศิลปะของ VN และเหนือกว่าอนิเมะเรื่องก่อนมาก และดนตรีอันทรงพลังก็ทำงานให้เสร็จลุล่วงไปด้วยดี นี่เป็นคุณสมบัติทั้งหมดที่ทำให้ฉันมีส่วนร่วมใน Visual Novel เล่มเดียวที่ฉันเคยอ่านมาทั้งหมด และมันก็น่าพอใจพอๆ กัน
ความโรแมนติกระหว่าง Shirou และ Rin ถูกบดบังด้วยการปะทะกันระหว่าง Shirou และ Archer — แต่มันคือ Archer ดังนั้นฉันจึงไม่สามารถบ่นได้ (ได้ GAR?) การชกของ Ilya ทำให้ฉากของเธอลดลงซึ่งยังคงสร้างความรำคาญได้อย่างเหมาะสม (เพียงพอที่จะทำให้แม้แต่ผู้เกลียดชัง Ilya ตกตะลึง)
อย่างไรก็ตาม บางครั้งฉันก็ฟุ้งซ่านจากการที่ใครบางคนจะสับสนถ้าไม่คุ้นเคยกับ Fate/Stay Night หรือใครที่เคยดูแต่อนิเมะ มันยังคงน่าติดตามอยู่ แต่ความหมายส่วนใหญ่กลับถูกมองข้ามหรือมองข้ามไปจนทำให้สับสนได้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมีการพยักหน้าอย่างต่อเนื่องซึ่งจะทำให้แฟน ๆ พอใจ แต่จะสูญเสียผู้ชมที่ไม่คุ้นเคย
ดังนั้น เรตติ้งที่ฉันให้นี่เป็นเพียงตัวแทนของความเพลิดเพลินของฉันเอง แต่ไม่น่าจะนำไปใช้กับใครก็ตามที่ไม่ใช่แฟน Type-Moon