รีวิว Ice Age 1 (2002)
หลังจากที่ภาพยนตร์อนิเมชั่น 3D เรื่องแรกของ Pixar ได้แสดงถึงความสวยงามเหนือจินตนาการที่สามารถเห็นได้ด้วยตาจริงๆ ก็มีหลายสตูดิโอที่พยายามสร้างผลงานภาพยนตร์อนิเมชั่น 3D มาแข่ง ซึ่งหนึ่งในสตูดิโอที่น่าสนใจ คือ Blue Sky ที่เปิดตัวผลงานแรกอย่าง Ice Age ที่นำเสนอเหล่าสิ่งชีวิตในโลกของยุคน้ำแข็ง ซึ่งพวกเขากำลังเผชิญหน้ากับยุคที่หนาวเย็นที่สุดของโลก
ความน่าสนใจของ Ice Age
เรื่องราวของ Ice Age จะตั้งอยู่ในยุคก่อนเข้าสู่ยุคน้ำแข็งที่เหล่าสิ่งมีชีวิตต่างๆพยายามหาทางเอาชีวิตรอด โดยการอพยพไปอยู่ในที่อุ่นๆ แต่กลับมีช้างแมมมอธขนยาวชื่อว่า “แมนเฟร็ด” ที่สวนกระแสสัตว์ตัวอื่นๆด้วยการเข้าหาความหนาวเหน็บแทน ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
จนได้เจอกับ “ซิด” ตัวสลอธดวงซวยมีปมด้อยครอบครัวไม่รัก ทุกคนแอบหนีอพยพไปโดยไม่บอกเขา ซึ่งเขากำลังหนีปัญหาที่ตัวเองก่อไว้ แล้วบังเอิญได้เดินร่วมทางกับแมนเฟร็ด เพื่อหวังให้แมนเฟร็ดช่วยคุ้มครอง แม้แมนเฟร็ดจะไม่ยินยอมแต่ซิดก็ติดแจไม่ยอมปล่อย
ซึ่งประเด็นหลักของเรื่อง Ice Age เกิดขึ้นตอนที่แมนเฟร็ดกับซิดไปเจอกับทารกมนุษย์คนหนึ่งเข้า ในตอนแรกแมนเฟร็ดตั้งใจทิ้งเธอไว้แบบนั้น แต่ซิดตั้งใจจะพาเด็กคนนี้ไปส่งให้กลุ่มของมนุษย์ โดยในจังหวะเดียวกันนั้นเอง “ดิเอโก” เสือเขี้ยวดาบได้เข้ามาร่วมบทสนทนา
เพื่ออาสาพาเด็กคนนี้ไปส่งเด็กเพราะเขาสามารถตามรอยพวกมนุษย์ได้ แต่ด้วยความใจดีลึกๆของแมนเฟร็ด เขาจึงไม่ไว้ไม่ใจให้เจ้าเสือเขี้ยวดาบเอาตัวเด็กไป จึงตั้งสินใจจะพาเด็กคนนี้ไปส่งที่กลุ่มมนุษย์เองโดยให้ดิเอโกเป็นคนนำทาง
การเดินทางของกลุ่มรวมตัวสมาชิกที่แปลกประหลาดทั้งแมมมอธใจแข็ง สลอธพูดมาก เสือเขี้ยวดาบที่ดูไม่น่าไว้ใจและเด็กมนุษย์ตัวน้อยจึงเริ่มต้นขึ้น
อาจเป็นเพราะทาง Blue Sky ตั้งใจทำ Ice Age ภาคแรกมาเพื่อทดลองการตลาดเฉยๆ ส่งผลให้เนื้อเรื่องและการนำเสนอจะดูโล่งๆไม่มีอะไรน่าสนใจ หรือลึกซึ้งมากนัก จนสามารถสรุปใจความสั้นๆได้ว่า การดำเนินเรื่องเด่นๆมีเพียงการเล่นมุขเกี่ยวกับโลกยุคน้ำแข็งที่ก็ขำบ้าง นิ่งบ้าง แต่สิ่งหนึ่งที่ Ice Age
ทำออกมาได้น่าสนใจ คือ เจ้ากระรอก “สแครท” สุดป่วนที่ออกมากี่ครั้งก็แย่งซีนทุกตัวละครได้ตลอด แม้จะไม่มีบทพูดเลยสักคำ จนอยากจะเห็นเนื้อเรื่องฉายเดี่ยวเกี่ยวกับกระรอกตัวนี้เลยทีเดียว และสำหรับข้อเสียหลักๆของเรื่องนี้ คือ ตัวละครอย่าง “ซิด” ที่ใครไม่ชอบก็จะดู Ice Age ภาคนี้ไม่สนุกเลยกับงานภาพที่เมื่อเทียบกับอนิเมชั่นในปีเดียวกัน แม้จะมีความสวยงาม แต่การเคลื่อนไหวก็ยังดูแข็งๆไม่ลื่นไหล
เมื่อสองหมื่นปีก่อน เกิดเหตุไม่ขาดฝัน กับเหตุการณ์ที่สัตว์ทั้งหลายจำเป็นต้องหนีเอาตัวให้รอดจากลมพายุหิมะ ย้ายถิ่นที่อยู่ลงใต้กันทั้งหมด โดยในเรื่องตัวละครหลักประกอบด้วย สัตว์ 3 ชนิด ซิต (สล้อต) ดิเอโก้ (เสือ) เฟร็ด (ช้างแมมมอธ) โดยที่ทั้ง3 พมเจอกันโดยบังเอิญ
และ ซิตจึงให้ แมนนี่ และเฟร็ด มาเป็นเพื่อร่วมทางของเขา ต่อมา ทั้ง 3 ได้พบลูกของมนุษย์ ที่หลงทาง ทำให้ทั้ง 3 ต้องพาเด็กน้อยเดินทางผจญภัยหลบหนีพายุหิมะไปด้วยกัน โดยในระหว่างทาง ช้างแมมมอธ (เฟร็ด) ต้องการ สลัดภาระปัญหาเรื่องของลูกมนุษย์ทิ้งไป ส่วน เจ้าเสือ(ดิเอโก้)
ก็วางแผนกับพวกพยายามจับตัวเด้กน้อยคนนี้เพื่อไปกินเป็นอาหารกับพวกในฝูง ทั้งหมดนี้จึงเป็นจุดกำเนิดของเรื่องน่ามึนหัวในการผจญภัยกับภารกิจคืนเด็กน้อยสู๋ขอบครัวของมนุษย์ ทั้ง 3 จะทำสำเร็จหรือไม่ และดิเอโก้จะทำอย่างไรในตอนสุดท้าย
รีวิว Ice Age 1 (2002)
กลับมาเจอกันอีกแล้ว ในเวลาค่ำๆ แบบนี้ทุกคนหาอะไรดูกันอยู่หรือเปล่า? ถ้าหากทุกคนยังหาอะไรดูไม่ได้ละก็ขออาสาแนะนำหนังจากเว็บหนังออนไลน์ กันสักเรื่องนึงมาให้เพื่อนๆ ได้รับชมกันดีไหม เพราะไม่ว่าทุกคนจะชอบหนังแบบไหนแนวไหนนั้น
ทางเรามีให้ทุกคนได้รับชมกันอย่างเต็มอิ่มจุใจแน่นอนครับแต่ในวันนี้คือเรื่องอะไรนั้นไปติดตามกัน พร้อมแนะนำกับเรื่อง Ice Age 1 ไอซ์ เอจ 1 เจาะยุคน้ำแข็งมหัศจรรย์ ซึ่งเป็นหนังที่ทางเรานำมาฝากเพื่อนๆ ในวันนี้ เป็นหนังในปี2002และเป็นแนวแอนนิเมชั่น Animation
ที่บอกเลยว่าใครที่ไม่เคยดูหนังเรื่องนี้นั้นพลาดแน่ๆ เพราะเป็นที่มีทั้งความสนุกและครบรสชาติมากๆ สามารถดูกันได้ทั้งครอบครัว ทางเราเลยอยากจะแนะนำหนังเรื่องนี้ให้กับทุกคนได้รับชมกันครับ
แมนนี่ ดิเอโก้ และซิด จะทำอย่างไร? เมื่อแผ่นดินที่เคยอยู่กำลังจะแยกออกจากกัน ครอบครัวต้องแตกแยก และโจรสลัดก็ตามรังควาน…
สวัสดีค่ะคุณผู้อ่านที่รัก วันนี้มาดามมาแบบเบาๆ กับภาพยนตร์แอนิเมชั่นแฟรนไชส์ชื่อดังที่ผู้ใหญ่ดูได้ เด็กก็ดูดีอย่าง “Ice Age” ซึ่งในปีนี้ออกฉายเป็นภาคที่ 4 แล้วค่ะ ในชื่อตอนว่า “เจาะยุคน้ำแข็งมหัศจรรย์: กำเนิดแผ่นดินใหม่” (Ice Age: Continental Drift)…ฟังชื่อตอนครั้งแรกมาดามคิดว่าเรากำลังจะไปดูการ์ตูนโดราเอมอนเสียอีก ก็แหมชื่อตอนมันสไตล์เดียวกัน
เชื่อว่า หลายๆ คนน่าจะทราบเนื้อเรื่องหลักและตัวละครเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้กันดี แต่ว่าเรามาทบทวนกันสักหน่อยดีกว่า เผื่อว่าคุณผู้อ่านบางคนจะยังไม่เคยชมกัน ภาพยนตร์ชุด ไอซ์ เอจ ดำเนินเรื่องด้วย 2 โครงเรื่องหลัก ซึ่งเรื่องแรกก็คือเรื่องราวเกี่ยวกับมิตรภาพของเพื่อนรักทั้งสามคือ “แมนนี่”
แมมมอธจอมเคร่งแต่รักจริง “ดิเอโก้” เสือเขี้ยวดาบรูปเข้มแต่ใจอ่อน และ “ซิด” ตัวสล็อธจอมขี้เกียจแต่จริงใจ ส่วนเรื่องที่สองคือเรื่องราวของกระรอกที่มีฟันเหมือนเขี้ยวโง้วชื่อ “สแครท” (Scrat) ที่ไล่ตามลูกโอ๊คจนก่อเรื่องและแก้ปัญหาแบบงี่เง่าไม่รู้จบซึ่งก็ “บังเอิญ” ส่งผลต่อโลกและต่อตัวละครอีก 3 ตัว ทั้งพายุหมุน น้ำท่วมโลก หลงยุค หรืออย่างในภาคล่าสุดคือแผ่นดินแยกออกจากกัน…อะไรมันจะหายนะขนาดนั้น!
ความรู้สึกหลังดู
เอาล่ะค่ะ หลายคนอาจจะงง ตัวละครจากทั้ง 2 โครงเรื่องหลัก เขาไม่รู้จักกันหรอกค่ะ ผู้สร้างอาจจะเขียนเรื่องให้มาเจอกันบ้างเป็นช่วงๆ แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันแต่อย่างใด นอกจากเป็นผู้ร่วมชะตากรรมในช่วงเวลาเดียวกันเท่านั้นค่ะ…และนี่ก็นับเป็นจุดเด่นของเรื่องอย่างหนึ่งค่ะ
เพราะผู้สร้างสามารถร้อยต่อสองโครงเรื่องที่ตัวละครไม่ได้มีความสัมพันธ์กัน แต่อย่างใดมาร้อยเป็นเรื่องเดียวกันได้ ที่สำคัญคนดูก็ไม่ได้รู้สึกงงหรือสับสนอะไรมากนัก และตัวแถมอย่าง “สแครท” ก็ดูเหมือนจะกลายเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของเรื่องร่วมกับแก๊งสามเกลอไปซะแล้ว
หัวใจสำคัญของเรื่องนี้ก็คือเรื่องของความสำคัญของครอบครัวค่ะ รวมมิตรกันมาเลยทั้งความหมาย ที่มา คุณค่า สมาชิก รวมไปถึงปัญหาครอบครัวกันเลยทีเดียว และผู้สร้างก็สามารถสร้างคาแรกเตอร์สะท้อนสิ่งต่างๆ เหล่านี้ออกมาได้ดีทีเดียวค่ะ และนี่ก็เป็นจุดเด่นที่สองของเรื่องนี้ค่ะ ตัวละครที่มีสีสันและสะท้อนบุคลิกของคนประเภทต่างๆ ได้อย่างสมจริง (และฮามากค่ะ)
“ผู้ชมทั่วโลกสนุกกับเรื่องราวของครอบครัวที่รวมตัวกันอย่างมีความสุข แม้ว่าตัวละครของเราจะไม่สมประกอบดีสักเท่าไหร่ และมีความหลากหลายแตกต่างกันไป แต่พวกเขาก็สามัคคีกันเสมอและทำสิ่งดีๆ ขึ้นมาเสมอ”
สตีฟ มาติโน่ (Steve Martino) ผู้กำกับ Ice Age: Continental Drift (2012)
มาดามต้องขอออกตัวก่อนว่า จริงๆ แล้วมาดามก็ไม่ได้เป็นคอหนังการ์ตูนแอนิเมชั่นเท่าไหร่หรอกค่ะ แต่ก็ต้องยอมรับค่ะว่าผู้สร้างเขาสามารถสร้างคาแรกเตอร์ต่างๆ ออกมาได้อย่างมีสีสัน (และเสียดสีพอตัวเลย) เอาง่ายๆ ว่ามีความเหมือนและเป็นมนุษย์
แม้ว่าจะมีสัญชาตญาณอย่างสัตว์ในเรื่องของอาหารการกิน สถานที่อยู่อาศัย และท่าทาง แต่ความนึกคิดต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของความรักและการปฏิบัติตัวในสังคมเหมือนกับมนุษย์มาก ยกตัวอย่างเช่น เมื่อ พีเชส (Peaches) แมมมอธวัยทีนลูกสาวของแมนนี่และเอลลี่กำลังพยายามมีชีวิตอย่างเด็กวัยรุ่น (วัย 19)
แมนนี่ก็สวมวิญญาณของความเป็นพ่อ ทั้งดูแล ปกป้อง กีดกัน และกักบริเวณลูกสาวคนเดียวเพราะกลัวจะได้รับอันตราย และอาจจะเสียคน ไหนจะเรื่องของการคบเพื่อน ปกติสัตว์ส่วนใหญ่ก็มักจะรวมกลุ่มอยู่กับสัตว์ประเภทเดียวกัน แต่เรื่องนี้เขาเลือกรวมกลุ่มกันตามนิสัยเลยค่ะ
ตัวไหนที่อันธพาลเขาก็จะอยู่กลุ่มหนึ่ง ตัวไหนดีก็จะรวมกลุ่มกันเหมือนอย่างกลุ่มของแมนนี่ ดิเอโก้ แล้วก็ซิด…
สำหรับมาดามภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องนี้ก็ไม่เชิงว่าจะเป็นภาพยนตร์สำหรับเด็กซะที เดียว เพราะก็ยังมีเนื้อหาบางตอนที่เสียดสีค่อนข้างจะตรงไปตรงมา ซึ่งตรงนี้มาดามว่าผู้เขียนบทเสียดสีได้เห็นภาพ (และขำมาก) แต่ว่าสำหรับผู้ชมเด็กๆ
(ในวัยที่เรื่องของการเลือกรับรู้และพิจารณาตามเหตุผลและประสบการณ์เป็นเรื่องยาก) ก็อาจจะรับสารคลาดเคลื่อนไปได้ แต่จะว่าไปก็ไม่รุนแรงค่ะ สามารถเป็นภาพยนตร์สำหรับครอบครัวได้ดีกว่าภาพยนตร์แอ็กชั่น (ซึ่งมักจะเป็นหนังเด่นวันหยุดในช่องฟรีทีวี) บางเรื่องเสียอีก
อันนี้ในกรณีที่ผู้ปกครองสามารถนั่งชมไปพร้อมกับเด็กๆ ได้นะคะ เพราะขณะที่มีการเสียดสีก็สอดแทรกบริบทของการสอนให้กับเด็กๆ และบางทีก็เราๆ ท่านๆ (รวมทั้งมาดาม) ได้ดีเหมือนกัน…เหมือนดูหนังแล้วย้อนดู (รอบๆ) ตัวเราอย่างงั้นแหละค่ะ
นับว่าเป็นหนังแอนิเมชั่นที่ไม่ได้มีดีแค่เป็นโปรดักชั่นแบบ 3D แน่นอนค่ะ (หมายเหตุว่าเรื่องนี้เป็นแอนิเมชั่น 3D ค่ะ ถ้าใครไม่ชอบใส่แว่นตา 3D ดูหนังในโรงอาจจะรำคาญนิดหน่อย แล้วก็อาจจะทำให้วิงเวียนสำหรับคนที่ไม่ชิน) แต่ในความฮาก็มีสาระได้ค่ะ
ที่สำคัญเป็นสาระสำคัญที่พูดถึงความสำคัญและความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องของการนิยามความหมายของคำว่าครอบครัวว่าแท้ที่จริงแล้ว หมายความว่าอย่างไร ซึ่งนับว่าเป็นสาระสากลมากเพราะผู้คนทั่วโลกต่างก็ตระหนักถึงความหมายและ คุณค่าของคำว่า “ครอบครัว”
กันเป็นอย่างดี…ถ้าวันหยุดสุดสัปดาห์นี้พอมีเวลา ก็ลองชวนคนในครอบครัว (หรือคนที่อยากจะให้เป็นครอบครัวเดียวกัน) ไปดูกันซิคะ รับรองว่าได้ยิ้มกันออกมาจากโรงแน่นอน!
