รีวิว In This Corner of the World
In This Corner of the World (2016) เป็นแอนิเมชันญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับสงครามโลกครั้งที่ 2 (ช่วงเวลาเดียวกับเรื่องสุสานหิ่งห้อย) ซึ่งก็เป็นแอนิเมชันที่สามารถคว้ารางวัลจากเทศกาลหนังในญี่ปุ่นมามากมาย ถือเป็นหนึ่งในแอนิเมชันที่ผมประทับใจที่สุดเรื่องหนึ่งเลย
In This Corner of the World (2016) กำกับโดย Sunao Katabuchi มีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีนามว่า Suzu เธอเป็นหญิงสาวที่มองโลกในแง่ดี ชอบจินตนาการและชอบวาดรูปเป็นชีวิตจิตใจ หนังเล่าถึงชีวิตของเธอตั้งแต่วัยเด็กยามที่ไม่มีสงครามยาว
ไปจนถึงชีวิตของเธอในช่วงโต แต่งงานและใช้ชีวิตกับสามี จนไปถึงช่วงที่ญี่ปุ่นเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และเหตุการณ์นิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า เธอต้องผ่านเหตุการณ์ต่างๆมากมายและพบกับความสูญเสียจากสงคราม เธอจะใช้ชีวิตอยู่อย่างไรในวันที่โลกมืดมิด แต่จิตใจเธอยังมองโลกในแง่ดี
In This Corner of the World คือ แอนิเมชันญี่ปุ่นที่ดีที่สุดเลยหนึ่งสำหรับผมเลยทีเดียว หนังมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจในแง่เกี่ยวกับชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ดีและมีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ เธอจะใช้ชีวิตได้อย่างไรในวันที่ระเบิดถูกทิ้งลงที่เมืองทุกวันท่ามกลางความสูญเสียของทุกๆครอบครัว
สิ่งที่ผมชื่นชอบในหนังก็คือ การสะท้อนถึงภัยสงครามในรูปแบบที่ไม่ได้โหดร้ายต่อสายตา แต่สะเทือนใจอย่างลึกซึ้ง รวมถึงการได้เห็นภาพชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งตั้งแต่เด็กจนโต ภายใต้วิถีชีวิตแบบญี่ปุ่น ซึ่งหนังก็แสดงมันออกมาได้อย่างเรียบง่าย งดงาม
ชีวิตในวัยเด็กอันสนุกสนาน การถูกแอบชอบ จนถึงตอนโต เธอถูกขอแต่งงาน ชีวิตในวันที่เธอต้องแต่งงาน การที่เธอได้เจอกับคนที่เธอเคยชอบอีกครั้ง (ทั้งๆที่แต่งงานแล้ว) แม้เธอจะยังชอบเพื่อนเก่าคนนั้นอยู่ แต่เธอก็หลงรักสามีและเป็นคนของตระกูลสามีไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเธอและเพื่อนคนนั้นก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป ยาวไปถึงการใช้ชีวิตร่วมกันในครอบครัวอย่างอบอุ่นในเวลาปกติและในเวลาที่เกิดสงคราม อาหารขาดแคลน เมืองที่ค่อยๆโดนทิ้งระเบิดจนเหลือแต่ซาก ความสูญเสียที่เกิดทุกแห่งหน
จนถึงวันหนึ่งที่เธอต้องพบกับความสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้ เธอไม่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเอง รักได้ เธอจะใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร ถ้าเธอวาดรูปไม่ได้ หัวใจเธอแตกสลาย ความสูญเสียครั้งนี้ ทำให้เธอได้เข้าใจถึงความโหดร้ายที่แท้จริงของโลกนี้
เธอรู้สึกว่าชีวิตเธอไม่เหลืออะไร ขณะเดียวกันสามีและครอบครัวก็ยังคงอยู่เคียงข้างเธอ ห่วงใยและให้กำลังใจเธออย่างหนักแน่น เธอจะยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติและจะยังสามารถมองโลกในแง่ดี มองโลกให้งดงามได้เหมือนเมื่อก่อนเกิดสงครามได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่เธอต้องฝ่าฟันไปให้ได้ เพื่อใช้ชีวิตในโลกนี้ต่อไป
สุดท้ายหนังก็จบลงด้วยความสูญเสียอีกระลอกหนึ่งก็คือ การทำลายล้างเมืองฮิโรชิม่าอันเป็นเมืองบ้านเกิดของเธอด้วยระเบิดนิวเคลียร์ สุดท้ายญี่ปุ่นก็ประกาศยอมแพ้ เมืองถูกทำลายอย่างสมบูรณ์และไม่เหลืออะไรอีกเลยในประเทศนี้ มันจึงเป็นความเจ็บปวดที่ซึสึได้รับและต้องเข้มแข็งเพื่อเดินหน้าชีวิตต่อไป เพราะ อย่างน้อยเธอก็ยังมีสามีที่รักเธอและครอบครัวที่ห่วงใยคอยอยู่เคียงข้างเสมอ
หนังจึงสะท้อนเรื่องราวหลากหลายแง่มุมชีวิต ตั้งแต่ภัยจากสงครามไปจนถึงการใช้ชีวิตในวันที่ท้อแท้ใจ เรียกได้ว่าหนังเรื่องเดียวแต่สอนชีวิตเราอย่างลึกซึ้ง ถึงแก่นของชีวิต การใช้ชีวิต การมองโลกในแง่ดี หนังมีมุมมองที่ทำให้ทุกคนมีความสุข ความหวัง ในยามที่เราไม่เหลืออะไร
รีวิว In This Corner of the World
ในส่วนการดำเนินเรื่อง ถือว่าทำได้ดีมาก เพราะ หนังยังคงเอกลักษณ์เด่นในการดำเนินเรื่องสไตล์ญี่ปุ่น คือ เน้นดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ ค่อยๆ ละเมียดละไม งดงาม ไม่รีบ ไม่เร่ง แต่กลับทำได้อย่างสนุก ไม่น่าเบื่อ อีกทั้งยังสะเทือนใจและยังน่าประทับใจในตอนจบของหนัง
ถือได้ว่าทำได้ลงตัวมากๆ ที่น่าชื่นชมอีกอย่าง คือ การแทรกมุกตลกเข้ามาในหลายๆฉาก ได้อย่างแนบเนียน การหยอดมุกต่างๆในแต่ละช่วงเวลาของเรื่องทำให้บรรยากาศหนังผ่อนคลายและอบอุ่นยิ่งขึ้น สอดคล้องกับชีวิตของนางเอกที่มองโลกในแง่ดีและเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตแบบง่ายๆ หนังจึงมีทั้งอารมณ์สนุก ตลก เศร้า สะเทือนใจ ผสมกันอย่างลงตัว
ในส่วน Production และเทคนิคหนังที่ผมชื่นชอบ คือ ลายเส้นของหนังที่ดูอ่อนโยนมากๆ ช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลานให้กับหนังและเสริมเรื่องราวให้ดูสดใส มองโลกในแง่ดี คล้ายกับมุมมองของนางเอก โดยจะเน้นไปที่การใช้สีอ่อนและไม่ฉูดฉาด คล้ายสีน้ำ ซึ่งมันดูอ่อนโยน งดงาม สบายตา โดดเด่นกว่าลายเส้นปกติ รวมถึงยังเปี่ยมด้วยจินตนาการ อย่างฉากตอนที่นางเอกวาดรูปกระต่าย หรือฉากตอนที่เธอโดนระเบิด แล้วภาพตัดเป็นขาวดำ ผมคิดว่าผู้สร้างใส่ใจในรายละเอียดในการใส่ภาพต่างๆเหล่านี้
ส่วน Location เมืองและบรรยากาศสถานที่ภายในหนังก็ทำได้ดี ตั้งแต่เมืองบ้านเกิดของนางเอก เมืองเอบะ (อยู่ในฮิโรชิม่า) เมืองคุเระอันงดงาม อันเป็นที่ตั้งของฐานทัพเรือญี่ปุ่น โอบล้อมด้วยภูเขา ป่าไม้และอ่าวที่เต็มไปด้วยเรือรบ
หนังสร้างจากมังงะ ‘To All the Corners of the World’ ของฟูมิโยะ โคโนะ ที่ได้รับรางวัล Excellence Prize ในงาน Japan Media Arts Festival ครั้งที่ 13 หนังยังสามารถทำรายได้ทั่วญี่ปุ่นขึ้นไปถึงระดับ 1.5 พันล้านเยน ซึ่งไม่ใช่น้อยๆ เลยทีเดียว
แน่นอนว่า เมื่อเข้าฉายในไทยก็ต้องไปดูในโรงกันหน่อยละ
ความรู้สึกหลังดู
เรื่องราวชีวิตของซึสึ (เรนะ โนเนน/Rena Nōnen/Non) หญิงสาววัย 18 ที่ย้ายเข้ามายังเมืองคุเระ ใกล้เมืองฮิโรชิมา ก่อนที่เธอจะได้แต่งงานกับ ชูซาคุ โฮโจ (โยชิมาซะ โฮโซยะ/Yoshimasa Hosoya) เสมียนประจำกองทัพเรือ ณ บ้านนั้น ทุกอย่างคือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเธอ
คนที่โก๊ะๆ แต่ทำอาหารและวาดรูปเก่งไม่เบาเลยล่ะ
ยิ่งนับวันญี่ปุ่นเริ่มมีวี่แววสงครามที่เข้ามาประชิดตัวมากขึ้นเรื่อยๆ ญี่ปุ่นเริ่มสร้างเรือรบขึ้นมาเอง แต่ในปี 1945 กองทัพสหรัฐฯ ส่งเครื่องบินเข้ามาทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิมา เธอรอดชีวิตมาได้ แล้วด้วยความมุ่งมั่นและความกล้าหาญ
เธอก็พร้อมที่จะมีชีวิตด้วยความหวัง
ข้อมูลที่ได้รับรู้มา ก็คือหนังคว้าได้มาหลายรางวัล ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล 38th Yokohama Film Festival ภาพยนตร์แห่งสันติภาพ ใน Hiroshima International Film Festival และเข้าชิงสาขาภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยมจาก Japan Academy Prize Association ด้วยครับ
เมื่อได้เวลาพบกับเรื่องราวในแอนิเมชั่นจริงๆ พบกับลายเส้นน่ารักๆ ที่ดูแตกต่างจากเหตุการณ์ช่วงสงครามโลกที่กำลังเกิดขึ้นกับญี่ปุ่น จากช่วงเวลาที่ไร้วี่แววของสงคราม หนังค่อยๆ เล่าการคืบคลานเข้ามาของมันที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ
และหนักมากในตอนจบ
มันเป็นเรื่องราวของเด็กสาวที่เคยอาศัยอยู่ในเมืองฮิโรชิมา เติบโตมาชีวิตที่ได้อยู่กับการวาดรูปที่เธอหลงใหล ที่เมืองนี้ทุกอย่างดูสุขสงบ เธอมีความสุขกับนิสัยฝันกลางวันของตัวเอง จินตนาการที่แสนสวยงามกับเรื่องราวที่เธอสร้างขึ้นมาเอง และก็เล่าถึงชีวิตบางส่วนกับเด็กผู้ชายอีกคนที่เธอผูกพัน ภาพวาดอันนั้นยังคงถูกใช้ในส่วนอื่นของหนัง
ก่อนที่เธอจะต้องไปตบแต่งกับชายที่เธอเองก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร และเธอต้องย้ายไปอยู่ในบ้านของเขาในเมืองคุเระที่อยู่ไม่ไกลกันมากนัก เธอต้องไปอยู่ในบ้านที่ไม่มีใครที่เธอรู้จัก ความโก๊ะๆ ของเธอเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมได้ไม่น้อย หนังมีความอารมณ์ดีในระดับหนึ่ง
มันจึงกลายเป็นหนังที่ดูได้เพลินๆ ในช่วงครึ่งแรก
เหมือนหนังกำลังบอกเราว่า แม้แต่คนที่ใครๆ ก็มองว่าชอบฝันกลางวัน ก็คงไม่อาจรับได้กับความเลวร้ายของสงคราม สงครามมันพรากทุกสิ่งที่เธอรัก มันพรากทุกสิ่งที่คนรอบตัวเธอรัก มันพรากชีวิตที่สุขสงบไปเสียหมด ช่วงท้ายของ ‘แค่วาดฝันให้โลกสวย’ เต็มไปด้วยความโศกเศร้า น้ำตาไหลออกมาตลอดในช่วงนั้น คงไม่มีใครในโลกที่ไม่รู้เรื่องของระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา แต่ภาพในหนังแอนิมชั่นมันสะเทือนใจมาก มากจนน้ำตาต้องไหลออกมา สงสารคนในหนังอย่างจับใจ
ใครว่านี่คือหนังของคนโลกสวย มันก็แค่บอกว่า ชีวิตในช่วงนั้นเลวร้ายมากนักแต่ก็ยังมีมุมดีให้มองเห็นกันได้ เพราะเราต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป เลือกมองในมุมโลกสวย
ก็ใช่ว่ามองไม่เห็นมุมโลกที่โหดร้าย อย่าลืมสิ
ชื่อภาพยนตร์: In This Corner of the World / แค่วาดฝันให้โลกสวย / この世界の片隅に / Kono Sekai no Katasumi ni
ผู้กำกับภาพยนตร์: Sunao Katabuchi
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Sunao Katabuchi, Fumiyo Kono (manga)
นักแสดงนำ: Non, Megumi Han, Yoshimasa Hosoya
ดนตรีประกอบ: Kotoringo
แนว/ประเภท: Animation, Drama, History, War
ความยาว: 128 นาที
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, USA/
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 23 กุมภาพันธ์ 2017
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Mappa, Genco, M Pictures
