รีวิว Mary and the Witch’s Flower
สมกับเป็นแอนิเมชั่นที่แฟน ๆ รอคอย ตั้งทราบข่าวว่าทีมงานสตูดิโอ GHIBLI แยกมาเปิดสตูดิโอของตัวเอง โดยใช้ชื่อว่า สตูดิโอ Ponoc และ Mary and The Witch’s Flower หรือ แมรี่ผจญแดนแม่มด หลังจาก Studio Ghibli ประกาศพักงานไป ก็เหมือนกับการปล่อยให้แฟนๆ นั่งรอคอยอย่างเหงาหงอยกันไป และแม้ว่าจะมี ‘The Red Turtle’ มาช่วย
ให้คลายคิดถึง แต่มันก็ยังไม่ใช่ลายเส้นที่คุ้นเคย จนวันนี้มีผลงานใหม่จากสตูดิโอที่แตกหน่อออกมา อะนิเมะเรื่อง ‘Mary and the Witch’s Flower’ หรือในชื่อไทย ‘แมรี่ผจญแดนแม่มด’ พาเอาลายเส้นที่เคยคุ้นกลับมาอีกครั้ง
คือผลงานเรื่องแรกที่ทางค่ายซื้อสิทธิ์นิยายชื่อดังเรื่อง The Little Broomstick ของ แมรี่ สต๊วร์จ มาดัดแปลง และเมื่อแอนิเมชั่นเรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทย ก็สร้างความประทับใจให้กับ แฟนอนิเมะญี่ปุ่นในไทย โดยเฉพาะ งานด้านภาพของ ที่สวยตระการ สมแล้วที่ ทีมงานใช้เวลาวาดแอนิเมชั่นเรื่องนี้ นานถึง 3 ปีเต็ม
มีความ แฮร์รี่พอตเตอร์ในแบบจิบลิแมวตัวนั้นนั่งดูหนังตรงแถว หนังอนิเมะภาพสวยดูสนุกให้แง่คิดทำเรื่องเล่นให้เป็นเรื่องใหญ่ชอบทุกตัวละครรู้สึกถึงการวางพลอตที่คุ้นเคย มีตัวละครที่เป็นสูตรของจิบลิแบบ ครบถ้วน คลาสสิค อบอุ่นครับคุณกอลฟ์ ปวีณ ผู้กำกับภาพยนตร์สนุกสนาน มีอะไรหลาย ๆ อย่าง ที่เซอไพร์สเรา สวยงามเหมือนดูจิบลิเลย คุณ
เอส คมกฤษ ผู้กำกับภาพยนตร์ ประทับใจ ตอนที่ไปช่วยพระเอกมันอินมาก แนะนำให้มาดู พระเอกหล่อมาก หัวเราะ ฉากวิทยาลัย เวทมนตร์ สวยมาก
เห็นด้วย สนุกมากจริง ๆ ค่ะ ฉากที่เฌอชอบจริง คือบ้านเก่า ที่มีไฟเด้งไปเด้งมา
ชอบมากเลยมีความเป็น GHIBLI มาก ชอบที่เล่นเรื่อง Coming of Ageคุณนัท แฟนพันธุ์แท้ ญี่ปุ่นชอบ ทิปกับกิ๊ป ชอบแมวดำ มันฮาดี นารักสวย ชอบทุกตัวละครเลยแก๊งนักแสดงเด็กสี่แผ่นดินใครที่คิดถึง Ghibli ลองไปดู Mary and the witch’s Flower กันได้ มันไม่ได้มาแค่กลิ่นอาย แต่นี่คือ อนิเมชั่น Ghibli ที่เราคิดถึง
อ้าวไหนว่าป๋าฮายาโอะ มิยาซากิ เลิกทำหนังแล้วไง จากนั้นก็ อ้าวไม่ใช่นี่หว่า นี่ใครทำฟระเนี่ยเหมือนเป๊ะก็อปเกรดเอชัด ๆ จีนทำเหรอ? ดูไปสักพัก หืม สตูดิโอโพนอก อ่อศิษย์เก่าในค่ายจิบลินี่เอง ถึงว่าล่ะ แล้วสุดท้ายก็ ไม่ยอมทิ้งลายเซ็นอาจารย์ตัวเองเลย มันจะเวิร์คเหรอเนี่ย แต่ก็น่าสนอยู่ล่ะนะไว้มีโอกาสจะดูละกัน
คือใจมันก็ชื่นชมในความพยายามเหมือนของหนังนะครับ แต่อีกใจมันก็ดูถูกอยู่เหมือนกัน อย่างว่าล่ะยังไง ๆ ออริจินัลมันต้องดีที่สุดล่ะนะ ไม่มีใครมาแทนที่ความประทับใจตอนดู Spirited Away, Kiki’s Delivery Service, My Neighbor Totoro หรือ Howl’s Moving Castle ได้ล่ะ แต่พอเราได้อ่านความเป็นมาเป็นไปของค่ายนี้แล้ว ความคิดก็เปลี่ยนมาเป็นแอบเชียร์อยู่เหมือนกันนะ
เพราะจุดเริ่มต้นมันมาจากโปรดิวเซอร์คนสำคัญของจิบลินาม โยชิอากิ นิชิมูระ ที่ร่วมงานกับค่ายมาหลายต่อหลายเรื่อง เช่น Howl’s Moving Castle, The Tale of Princess Kaguya หรืออย่าง When Marnie Was There เป็นต้น
แกเกิดหวั่นใจว่างานในแบบจิบลิกำลังจะตาย ด้วยปัจจัยหลายอย่างทั้งทีมงานหลายคนที่ลาออก ตัวมิยาซากิที่อินดี้พอตัวและดูเหมือนจะวางมือลงอยู่เต็มแก่ (ใครตามข่าวป๋ามิยาซากิคงเข้าใจความหน่ายนี้นะ) นิชิมูระเลยออกมาเสี่ยงตั้งสตูดิโอแบบเริ่มจากศูนย์ ด้วยความตั้งใจว่าจะสืบสานงานของจิบลิต่อไปด้วยวิถีทางของตัวเอง
รีวิว Mary and the Witch’s Flower
จนถึงตอนนี้ก็เริ่มชักชวนสหายเก่าที่ฝีมือพอตัวมาร่วมกันทำหนังเรื่องแรก และก็ได้ผู้กำกับ ฮิโรมาสะ โยเนบายาชิ ที่เคยร่วมงานกันจาก When Marnie Was There มาทำหนังภายใต้คอนเซ็ปท์ที่นิชิมูระตั้งไว้ว่า Kiki’s Delivery Service
สำหรับยุคศตวรรษที่ 21 ภายใต้หลังคาใหม่ที่ชื่อว่า Studio Ponoc ที่แปลว่าเที่ยงคืน อันหมายถึงช่วงเวลาก่อนวันใหม่ การเริ่มต้นใหม่นั่นเอง มันคงอารมณ์ต่างจากดังแล้วแยกวง เพราะแม้จะดูเหมือนศิษย์ล้างครูชอบกล แต่จริงแล้วความสัมพันธ์ระหว่างนิชิมูระกับจิบลิยังคงเช่นเดิม
เมื่อหนัง Mary and the Witch’s Flower สำเร็จลุล่วง นิชิมูระก็เอาไปให้ 3 หัวเรือใหญ่ของค่ายรวมถึงป๋ามายาซากิดูด้วย แม้แกจะไม่ได้ดูก็เถอะแต่ก็ไม่ได้เพราะโกรธเคืองอะไร แกแค่อินดี้ 55 แต่อีกสองท่านต่างก็ชื่นชมและอวยพรให้นิชิมูระโชคดี
เอาส่วนตัวผมเป็นสายที่ไม่ชอบงานอย่าง Howl’s Moving Castle, The Secret World of Arrietty หรือ When Marnie Was There เลย แล้วไอ้สองเรื่องหลังดันเป็นหนังที่ โยเนบายาชิ กำกับเสียด้วยสิ คือไม่ชอบเรื่องราวแบบตะวันตกเท่าไหร่ คิดว่าหนังที่ใส่ความเป็นตะวันออกอย่าง Spirited Away หรือ My Neighbor Totoro นั้นมีเสน่ห์กว่ามาก ๆ ซึ่งเรื่อง Mary นี้ก็ถอดมาจากนิยายของ แมรี่ สจ็วต นักเขียนอังกฤษเสียด้วย ใครชอบสายนี้ก็ต้องขอโทษด้วยนะครับ
หนังคงยังให้บรรยากาศแบบ Arrietty และ Marnie หากแต่ลดทอนส่วนที่มันดราม่าลงไปใส่ความสนุกแบบเรื่องราว Kiki และจินตนาการล้ำ ๆ ด้วยโรงเรียนเวทย์แบบโรงเตี๊ยมใน Spirited Away ลงไป มันเลยได้บรรยากาศใหม่ ๆ ที่ให้อารมณ์เดิม ๆ พอสมควร คือใครชอบจิบลิมาก่อนก็คงชอบต่อได้ไม่ยากเลย งานภาพนี่คืองานระดับมาตรฐานเดียวกันกับจิบลิจริง ๆ หายห่วง
ความรู้สึกหลังดู
แต่ส่วนที่มันยังย่ำแย่เอาจริง ๆ ก็คือการเล่าเรื่องที่ขาดความลื่นไหลไปหน่อย หนังเล่าช่วงแรกนานมากกว่าตัวเอกจะเข้าป่าไปเจอดอกไม้ของแม่มด แม้จำเป็นต้องปูพื้นบุคลิกตัวละครบ้างแต่นี่ก็เรียกว่านานจนเกือบจะเบื่อเลยครับ
ในส่วนที่พอเข้าสู่เมืองแม่มดตอนนี้ก้ดุมีของให้เล่นเยอะมาก เสียดายว่าหนังเลือกที่จะเล่าเส้นเรื่องของแมรี่ที่พัวพันกับเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากลของแม่มดครูใหญ่แทน ทำให้ส่วนที่เป็นพวกชั้นเรียนเวทย์ ตลอดจนตัวประกอบทั้งหลายไม่ค่อยได้มีบทบาทนัก ตรงนี้ทำให้ความตื่นตาตื่นใจมันหายไปรวดเร็วมาก และกลายเป็นต้องจับจดกับเส้นเรื่องตามสูตรที่เดาได้อยู่แล้วแทน
นอกจากนี้ การที่ตัวละครเดินเข้าป่าไปเจอสถานที่แปลกๆ ไม่น่าไว้วางใจ มันมีความคล้าย ‘Spirited Away’ อยู่หน่อย ๆ มันจึงไม่แปลกนักถ้าแฟนที่ติดตามจิบลิมาโดยตลอดจะรู้สึกถึงกลิ่นไอเก่าๆ
ทว่าก็ยังรู้สึกได้ในบางจุดที่ตัวหนังเองยังไม่กลมกล่อมเท่าที่ควร โดยเฉพาะการวางโครงเรื่องที่ค่อนข้างเป็นเส้นตรง ข้อดีของมันคือทำให้มันเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน แต่ข้อเสียของมันคือ ทำให้หนังดูไม่มีอะไร
จุดเด่นของหนังคือการมีแมวสองตัวมาอยู่ในเรื่องราว มันชวนให้รู้สึกว่าหนังน่ารัก ดูเพลิน ชวนหัวเราะคิกคักตามไป ขณะเดียวกัน ข้อเสียของหนังก็คือแทบไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ระหว่างแมรี่กับปีเตอร์เลย ทำให้ช่วงเวลาของการกลับไปช่วยเหลือเขาไม่พาให้อินอะไรได้มากนัก