รีวิว REDLINE (2009)

การแข่งรถสุดระห่ำ หลุดโลก ทะลุจักรวาล ที่แม้แต่ผู้สร้างก็เสียสติไปแล้ว ยืนกรานต้องวาดมือครบทุกเฟรม ผลลัพท์คือโคตรแห่งความเอนเตอร์เทน อะดรีนาลีนไหลหลั่งคั่ง แค่อย่าไปคาดหวังกับเนื้อเรื่องราวเท่านั้นเอง

ก่อนกาลมาถีงของ Mad Max: Fury Road (2015) ก็มีภาพยนตร์อนิเมชั่น REDLINE (2009) เรื่องนี้แหละที่โคตรมันส์ โคตรสร้างสรรค์ ‘style over substance’ มอบความบันเทิงชนิดนั่งไม่ติดเก้าอี้ อะดรีนาลีนไหลหลั่งคลั่ง ลุ้นระทีกยิ่งกว่าแฟนไชร์ Fast and Furious

ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่รับรู้จักอนิเมะเรื่องนี้ ถือเป็นอีกเพชรเม็ดงานของวงการที่ต้องใช้เวลาเจียระไน ตอนออกฉายโรงภาพยนตร์ก็ไม่ประสบความสำเร็จสักเท่าไหร่ แต่กาลเวลาค่อยๆสร้างกระแส Cult ปัจจุบันถือว่าได้กลายเป็นอีกตำนานลือเล่าขาน

รีวิวอนิเมะ

รีวิว REDLINE (2009)

เมื่อปี 2003, Koike ร่วมงานกับ Katsuhito Ishii สรรค์สร้าง OVA (Original Video Animation) เรื่อง Trava: Fist Planet (2003) อนิเมะขนาดสั้น แนวไซไฟ ความยาว 10-15 นาที(ต่อตอน) จำนวน 4 ตอน ส่งตรงลง DVD นำเสนอเรื่องราวของสองเพื่อนสนิท Trava และ Shinkai ขณะกำลังทำภารกิจติดตามหาดาวเคราะห์ Area 78 เพื่อหวังนำเงินไป

ใช้เป็นทุนสำหรับออกเดินทางสู่ Fist Plant ดวงดาวที่กำลังจะจัดการแข่งขันต่อสู้ (Fighting Tournament) เงินรางวัลหลายพันล้านเครดิต บังเอิญพบเจอ/ให้ความช่วยเหลือหญิงสาวคนหนี่ง เธอสูญเสียความทรงจำ แค่รู้ว่าชื่อ Mikuru และเหตุการณ์วุ่นๆหลังจากนั้น เมื่อยานอวกาศตกลงบนดาวเคราะห์เป้าหมาย พวกเขาต้องหาหนทางดิ้นรนเอาตัวรอด หลบหนีออกมาเพื่อไล่ล่าความฝันให้สำเร็จ

พล็อตเรื่องค่อนข้างชัดเจนว่า Trava และ Shinkai สามารถเทียบแทนสองผู้กำกับ Koike และ Ishii ต่างมีความเพ้อใฝ่ฝันอยากเข้าร่วมการแข่งขัน/เป็นผู้กำกับภาพยนตร์อนิเมชั่น แต่ก่อนจะไปถีงจุดนั้น วันนี้ต้องหาหนทางเอาชีวิตให้รอดเสียก่อน

รีวิว REDLINE (2009)

ให้เสียง Sonoshee McLaren เจ้าของฉายา Cherry Boy Hunter ใช้รถแข่งชื่อ Crab Sonoshee Sea สามารถสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบก ขับเคลื่อนได้ทุกสภาพพื้นถนน แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อถูกแรงกระแทกจากระเบิด เสียหายหนักกลายเป็นเศษเหล็กสิ้นสภาพ ความฝันต้องการเป็นผู้ชนะ REDLINE ล่มสลายลงทันตา แต่ถึงอย่างนั้นได้รับข้อเสนอจาก J.P. ยินยอมรับ กระโดดขึ้นรถของเขา และเข้าเส้นชัยไปพร้อมกัน (แบบนี้ก็ได้เนอะ!)

น้ำเสียงของ Aoi ร้อนแรง เซ็กซี่กว่าที่เคยจดจำได้ เพราะปกติเธอมักได้รับบทบาท ตัวละครค่อนข้างจะอินโนเซนต์ ใสซื่อบริสุทธิ์ ผิดกับเรื่องนี้ที่ดูกร้านโลก พานผ่านอะไรมาเยอะ พร้อมทำทุกสิ่งอย่างเพื่อชัยชนะ แต่ถึงอย่างนั้นลึกลงไปในหัวใจ ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง มีความอ่อนไหว โหยหาใครสักคนที่สามารถช่วยเหลือเติมเต็มความฝัน

รีวิว REDLINE (2009)

รีวิว REDLINE (2009)

ให้เสียง Frisbee เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็ก และเป็นวิศวกรออกแบบรถแข่งของ J.P. เรื่องฝีมือไม่เป็นสองรองใคร แต่ครั้งหนึ่งเคยไปพ่ายพนันกับมาเฟียค้ายา จีงจำต้องติดตั้งระเบิดไว้ที่เครื่องยนต์ หยุดยับยั้งไม่ให้เพื่อนรักเข้าเส้นชัยอันดับหนึ่ง นั่นถือว่าเป็นการทรยศหักหลัง ถึงอย่างนั้นต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกัน จนกระทั่งการแข่งขัน REDLINE ฟางเส้นสุดท้ายแห่งศักดิ์ศรีจึงขาดสะบั้น ต้องการเห็น J.P. ไปให้ถึงเส้นชัย เพราะนั่นคือความฝันใฝ่ของตนเองด้วยเช่นกัน

การได้นักแสดงมากฝีมืออย่าง Asano มาพากย์เสียงตัวละครนี้ สร้างความนิ่ง ขรึม แต่ภายในกลับปั่นป่วน เต็มไปด้วยความขัดแย้ง สร้างมิติให้ตัวละครได้อย่างลุ่มลึก ซับซ้อน ช่วงแรกๆผู้ชมอาจคิดเห็นว่าหมอนี่คือคนทรยศ แต่ภายหลังก็อาจเข้าใจอะไรๆมากขึ้น ไม่มีใครอยากเห็นเพื่อนรักเป็นผู้แพ้ตลอดกาลหรอกนะ

สังเกตว่าอนิเมะ เลือกใช้นักแสดงมืออาชีพมาให้เสียงพากย์แทบทั้งหมด เราจึงพบเห็นความจริงจังต่อการแสดงออกทางอารมณ์ (สำหรับนักพากย์มืออาชีพ/Seiyuu มักจริงจังกับลีลาการใช้เสียง มากกว่าใส่อารมณ์การแสดง) ทำให้เรื่องราวมีความเข้มข้น ตัวละครดูมีชีวิตชีวา จับต้องได้มากกว่า

รีวิวอนิเมะออนไลน์

ความรู้สึกหลังดู

สีสันของอนิเมะมีความคมเข้มและจัดจ้าน ใช้การจัดแสง Low Key (สีดำปกคลุมภาพเป็นส่วนใหญ่) เพื่อสะท้อนด้านมืดของสังคม/จิตใจมนุษย์ สไตล์ลักษณะนี้เคยได้รับความนิยมอย่างสูงในยุค 90s อาทิ Ninja Scroll, Vampire Blood D ฯลฯ (ทั้งสองเรื่องนี้ผู้กำกับ Koike มีส่วนร่วมเป็น Key Animation)

ใครเคยรับชม Trava: Fist Planet จะพบเห็นวิวัฒนาการลงสีที่มีความฉูดฉาด จัดจ้าน เก็บรายละเอียดได้มากยิ่งกว่าเก่า โดยเฉพาะพวกแสงสะท้อน Lens Flare และ Visual Effect ระยิบระยับ ตื่นตระการตา บางครั้งดูไม่ออกด้วยซ้ำว่าเกิดเหตุการณ์อะไร แต่กลับรับรู้สึกถึงความมันส์ ระเบิด ตื่นเต้นเร้าใจ

ถ้าเป็นภาพยนตร์จะคำเรียก Hand Held การถ่ายทำโดยใช้มือควบคุม/ถือกล้อง เขย่าเบาๆให้เกิดความสั่นสะเทือน ผู้ชมจะรู้สีกตื่นเต้น ลุ้นระทีก วิงเวียนศีรษะเล็กๆ แต่สำหรับอนิเมชั่นไม่น่าจะใช้คำเรียกดังกล่าวได้ แต่แนวความคิดเดียวกัน คือทำให้ภาพสั่นๆในฉากแอ็คชั่น แข่งรถ ผลลัพท์ไม่แตกต่าง

สิ่งที่ผมถือเป็นไฮไลท์ในส่วนอนิเมชั่นของอนิเมะ ก็คือการเร่งสปีด จุดระเบิดไนโตร จะมีการทำให้ภาพยืดยาวววว ราวกับร่างกายเกิดอาการหน่วง ติดตามความเร่งติดจรวดไม่ทัน และไม่กี่เสี้ยววินาทีถัดจากนั้นถีงค่อยพุ่งทะยาน ม้วนกลิ้ง กระเด็นกระดอน (นี่มันผิดกฎธรรมชาติไปไกลเลยนะ) แล้วแซงหน้าคู่แข่งแบบไม่เห็นฝุ่น

ความบ้าระห่ำ ‘surreal’ นั้นก็คือ ช่วงระหว่างการเร่งสปีด ภาพจะเคลื่อนจากพวงมาลัยมาถึงใบหน้าตัวละคร เต็มไปด้วยปฏิกิริยาขี้เยี่ยวเร็ดลาด น้ำหูน้ำตาไหลหลั่งคั่ง เส้นเลือดปูดโปน ดวงตาแดงกล้ำ ราวกับจะตายให้ได้เมื่อต้องเผชิญหน้าความเร็วเร่งระดับนี้ มันเกินกว่ามนุษย์ธรรมดาสามัญจักทนไหว

ดูอนิเมะออนไลน์

ฉากต่อสู้ของสองไคจู ไอ้ตัวเหลืองๆนี่ให้ความรู้สีกคล้ายๆมาจาก Akira (1988) ส่วนขวามือหลุดจากแฟนไชร์ Godzilla (ราวกับการต่อสู้ระหว่าง แสงสว่าง vs. ด้านมืดมิด) … คือมันไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ใดๆกับเนื้อเรื่องราวเลยนะ เป็นความเอามันส์เข้าว่าของผู้สร้าง แล้วที่กวนตรีนสุดๆคือ ผลแพ้ชนะ แม้งตัดจบซะงั้น แล้วจะใส่มาหาพระแสงอะไร

REDLINE เป็นการแข่งขันที่คือความฝันใฝ่ของ J.P. สักครั้งในชีวิตต้องการเข้าร่วม ฟันฝ่าอุปสรรค คว้าชัยชนะ แต่ทั้งชีวิตก่อนหน้านี้มันมีเรื่องราวมากมาย ไม่ง่ายที่จะได้รับโอกาส อาจต้องถือว่าเพราะโชคชะตาฟ้าลิขิต ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าอะไรจะบังเกิดขี้น ฉันจักพยายามทำวันนี้ให้ถีงเส้นชัย

สำหรับผู้กำกับ Takeshi Koike อยู่ในวงการอนิเมะมากว่า 20 ปี ผ่านงาน In-Between, Key Animation, กำกับ Animation ฯลฯ แต่ความใฝ่ฝันแท้จริงของเขาคือต้องการเป็นผู้กำกับ ซี่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด เฝ้ารอคอยโอกาสและโชคชะตา จนกระทั่งวันนั้นก็มาถีง พยายามสรรค์สร้าง REDLINE ด้วยความมุ่งมั่นเกินร้อย แม้กว่าจะสำเร็จเสร็จล่าช้าหลายปี เกินงบประมาณไปมาก แต่ผลลัพท์ถือว่าน่าพีงพอใจ ถีงเป้าหมายเส้นชัย

เราสามารถเปรียบเทียบตัวละคร J.P. ก็คือผู้กำกับ Koike แล้วเปลี่ยนจากการแข่งรถ มาเป็นสรรค์สร้างภาพยนตร์อนิเมชั่น(เรื่องนี้) จักพบเห็นความละม้ายคล้ายคลีง ดื้อดีงเอาแต่ใจ (J.P. ไม่ต้องการติดอาวุธให้รถ ขอแค่สามารถซิ่งด้วยความเร็วดั่งใจ = ผู้กำกับ J.P. ขอให้ทีมงานสรรค์สร้างอนิเมะด้วยการวาดมือเท่านั้น ไม่ต้องการตัวช่วยอื่นใด) ระหว่างทางได้สาวเคียงกาย มุ่งสู่หนทางฝันร่วมกัน และเข้าถีงเส้นชัยชนะ = อนิเมะสร้างเสร็จสิ้น

ด้วยเหตุนี้ REDLINE จีงไม่ใช่แค่อนิเมะดาดๆทั่วไป แต่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณผู้สร้าง ใส่ความคิดสร้างสรรค์ ตัวตนเองลงไป มีความบริสุทธิ์ ‘pure cinema’ ทุกสิ่งอย่างล้วนกลั่นออกมาจากภายใน เราเลยสามารถเรียกภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้ เต็มปากเต็มคำได้ว่า ‘ผลงานศิลปะ’ และผู้กำกับ Koike คือหนี่งใน ‘auteur’ ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง

รีวิวการ์ตูนอนิเมะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *