รีวิว Resident Evil
มินิซีรีส์แอนิเมชั่น 4 ตอนจบที่สร้างจากแฟรนไชส์เกมชื่อดัง Resident Evil เมื่อซอมบี้บุกมาถึงทำเนียบขาว ลีออนและแคลร์ต่างมีภารกิจเปิดโปงความจริงว่าซฮมบี้เหล่านี้มาได้อย่างไร โดยใคร และด้วยเหตุผลอะไร
ที่ผ่านมา Resident evil ถูกนำมาทำเป็นแอนิเมชั่นมาแล้วหลายภาค ซึ่งแต่ละภาคจะคล้ายๆ กันคือพาร์ทเนื้อเรื่องไม่มีอะไรแต่พาร์ทแอ็คชั่นค่อนข้างสนุก สำหรับภาคนี้ทำเป็นมินิซีรีส์ (ซึ่งทำทำไมก็ไม่รู้ เพราะเอา 4 ตอนมาต่อกันความยาวพอๆ กับหนังหนึ่งภาค) ไม่ค่อยเน้นฉากแอ็คชั่นเท่าไหร่ เน้นไป
ที่เรื่องราวและปริศนามากกว่า แต่น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องนั้นแทบจะไม่มีอะไรเลย เต็มไปด้วยบทพูดที่ไม่มีประโยชน์ ปริศนาฝั่งแคลร์และลีออนก็ซ้ำซ้อนกัน เหมือนต้องมาดูการไขปริศนาเดิมซ้ำสองรอบ ตัวหนังมี Plot hole เต็มไปหมด มีหลายๆ เหตุการณ์ที่เราไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร เพราะอะไร
การกระทำของตัวละครก็ไม่เข้าใจว่าทำแบบนี้เพราะอะไร ทำไม แถมตอนจบที่อ่อนปวกเปียก จบแบบ อ้าว! จบแล้วเหรอ? แค่นี้จริงสิ พาร์ทแอคชั่นก็ธรรมดามากและน้อยมากๆ เช่นกัน พอจะมีข้อดีอยู่บ้างตรงปั้นตัวละครและฉากต่างๆ ได้สวยงาม แต่การแอนิเมชั่นและการใช้แสงในหลายๆ ฉากทำให้ดูปลอมไปหมด รีวิวอนิเมะ
สำหรับฉากที่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นคือฉากบ้านระเบิดที่ไม่มีการอธิบายใดๆ เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับบ้าน (ไม่รวมการรอดออกมาได้แบบไร้รอยขีดข่วน) การที่แต่ละสถานที่ดูจะโดนแหกเข้าไปกันง่ายเหลือเกิน โดยเฉพาะโรงงานลับใต้ดินที่ดูใครๆ ก็เข้าออกกันอย่างง่ายดาย ไร้คนเฝ้ายาม ตอนจบที่เจสันจับเฉินเม่ยหักคอจิ้มน้ำพริกแบบชิลๆ ทั้งที่มีเยื่อใยต่อกัน แต่พอเจอลีออนกลับแค่โยนลงพื้นง่อยๆ ทั้งๆ ที่ลีออนกะมาฆ่าชัดๆ (สกิลพระเอกล้วนๆ) ยิ่งดูยิ่งไม่สมเหตุสมผล
Resident Evil: Infinite Darkness จะเล่าเรื่องราวสองช่วงเวลาที่เชื่อมต่อกัน นั่นคือสงครามของเปนัมสถาน เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในปี 2000 ที่มีเรื่องราวของเจสัน ทหารที่ได้รับสมญานามว่า “วีรบุรุษแห่งเปนัมสถาน” เล่าคู่ไปกับปี 2006 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ 2 ปีหลังจากตัวเกม Resident Evil 4 เหตุการณ์ใน Infinite Darkness จะเริ่มที่แคลร์ เรดฟิลด์ ไปเป็นอาสาสมัครที่ประเทศเปนัมสถาน และพบรูกวาดอันลึกลับที่ทำให้เธอนึกถึงเหตุการณ์ในแรคคูนซิตี้ ทางด้านลีออนถูกเรียกตัวมาอารักขาประธานาธิบดี เพราะเซิร์ฟเวอร์ถูกเจาะ ก่อนที่ทุกอย่างจะเริ่มต้นขึ้น เมื่อซอมบี้บุกเข้าไปที่ทำเนียบขาว และากรสืบสวนของแคลร์ก็พาให้เธอมาเจอกับลีออน และเชื่อมโยงเหตุการณ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน
การปูเรื่องทุกอย่างเหมือนจะดี แต่หากเราจับสังเกตและพิจารณาให้ดี ทุกอย่าง ทุกที่มาที่ไปกลัวไม่ค่อยจะมีน้ำหนักหรือความสมเหตุสมผลเท่าใดนัก และการหยิบเอาเรื่องหลังภาค 4 มาเล่า ก็ทำให้เราได้เห็นสิ่งที่เชื่อมโยงกับเกมหลักอยู่บ้าง เช่นประธานาธิชดีที่ในห้องมีรูปถ่ายของ Ashley แต่ปัจจุบันก็ไม่รู้ว่าเธอไปใช้ชีวิตอยู่แห่งหนใดแล้ว ซึ่งหากจะว่ากันตรง ๆ อาจจะมีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เชื่อมต่อซีรีส์ชุดนี้ไปกับวิดีโอเกมได้
เมื่อซีรีส์ถึงเวลาออนแอร์ เราพบว่ามีความยาวเพียงแค่ 4 ตอน และมีความยาวประมาณตอนละ 20 นาทีเท่านั้น หากรวมฉาก Intro และ Outro คำถามแรกคือ มันจะเล่าเรื่องยังไงให้กระชับ และจบได้ภายในเวลา่ 4 ตอน เพราะหากนับรวมเวลาของซีรีส์ทั้ง 4 ตอนรวมกันแล้ว ความยาวมันยังอาจจะสู้ภาค Degeneration ไม่ได้ด้วยซ้ำไป และปัญหาที่เรากังวลตั้งแต่เห็นระยะเวลาต่อตอนก็เป็นจริง
รีวิว Resident Evil
ฉากหลังของเรื่องนี้คือ 2 ปีหลังจากตัวเกมภาค 4 ซึ่งก็มี CG Animated อีกเรื่องได้ทำไปก่อนหน้านี้แล้วคือภาค Degeneration ทำให้การเล่าเรื่องจะค่อนข้างยุ่งยาก ทั้งการสร้างตัวละคร การคิดพล็อต ลองคิดเล่น ๆ ดูว่าถ้าหากเป็นการเล่าเรื่องหลังตัวเกมภาค Village หรือระหว่างภาค 7 กับภาค Village โดยมีลีออนเป็นตัวละครหลัก ทีมงานและทีมสร้างคงมีอิสระในการสร้างเนื้อเรื่องมากกว่านี่ แต่ภาคนี้คือการยัดเนื้อเรื่องลงไปตรงกลางอีกที ทำให้การคิดตัวละคร คิดพล็อต คิดสถานที่ ถูกจำกัดด้วยเนื้อหาอื่น ๆ ที่เคยสร้างมาแล้ว
ลำพังการเลือกฉากหลังของเนื้อเรื่องว่ายากแล้ว แต่การเล่าเรื่องก็ยังทำได้ไม่ดีเท่าที่ควร ด้วยความสั้นของระยะเวลาต่อตอน ทำให้ทุกอย่างต้องเล่าแบบรวบรัดตัดความอย่างมาก ชนิดที่ว่าแม้จะดูพากย์ไทย แต่ถ้าละสายตาไปนิดหนึ่ง อาจจะต้องกดกรอย้อนไปดูว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นบ้าง แต่ก็อาจจะพบว่าย้อนเสียเปล่า เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น ข้ามไปก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบอะไรนักอยู่ดี
แถมบางอย่างยังเหมือนถูกมองข้ามแม้จะทำมาน่าสนใจ เช่นเหล่าหนูติดไวรัสที่ดูน่ากลัวอย่างมากในช่วงตอนที่ 2 ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีการสานต่อใด ๆ ทั้งที่มันคืออาวุธชีวภาพ รวมไปถึงความไม่เมคเซนส์ชนิดที่ทำใจได้ยากจริง ๆ เช่นตัวร้ายที่มีอุดมการณ์ขัดแย้งกันเองอย่างเห็นได้ชัด หรือแม้แต่การเลือกปฏิบัติ กับตัวละครอื่น ฆ่าแหลก แต่กับพระเอกลีออน กลับปล่อยให้รอดด้วยการขว้างทิ้ง จนทำให้ลีออนสบโอกาส และขอบอกว่านี่คือตัวร้ายหลักของซีรีส์ Resident Evil ที่ตายได้ง่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ รีวิวอนิเมะออนไลน์
ความรู้สึกหลังดู
ร่ายยาวไปถึง 3 หัวข้อใหญ่ก็มีแต่สับละเอียดทั้งนั้น แต่หากพิจารณาดี ๆ ข้อดีของมันก็ยังมีอยู่บ้าง ส่วนตัวผู้เขียนนั้นชื่นชอบ CG Animation ของภาคนี้มาก เพราะทำออกมาได้สวยและดูดีมาก เชื่อว่ามีคนจำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ชอบการออกแบบแบบนี้ และอีกข้อที่อยากชมเป็นการส่วนตัวเลยคือเสียง
พากย์ภาษาไทย เป็นที่รู้กันดีว่า ในช่วงหลังมานี้ ผู้ใช้งาน Netflix ในประเทศไทยมีอยู่มหาศาล ดังนั้นเกือบทุกเรื่องของซีรีส์และภาพยนตร์ใน Netflix จึงมีเสียงพากย์ไทยด้วย รวมถึง Resident Evil: Infinite Darkness นี้ด้วย
ทีมเสียงพากย์ภาษาไทย ทำออกมาได้ดีตามมาตรฐานและเลือกเสียงที่เหมาะสมกับทุกตัวละครเป็นอย่างดี และทำให้การดูซีรีส์เรื่องนี้ที่ลำพังเนื้อเรื่องก็ง่ายอยู่แล้ว ยิ่งดูง่ายเข้าไปอีก ใครที่อยากเปิดดูกับเพื่อน หรือครอบครัว มีเสียงพากย์ภาษาไทยรองรับ
และหากมองในแง่ดี อย่างน้อยเราก็ยังได้เห็นความพยายามในการเชื่อมต่อจักรวาลของอนิเมะและตัวเกมเข้าไว้ด้วยกัน แม้ว่ามันจะล้มเหลวก็ตาม
ควรค่าแก่การดูหรือไม่ ?
ต้องบอกว่าแม้จะสับแหลกขนาดนี้ แต่ส่วนตัวผู้เขียนมองว่า มันไม่ได้แย่ หรือห่วยจนทนดูไม่ได้ เพราะสิ่งที่เราได้เห็นตลอดช่วงเวลาการดู คืออนิเมชั่น การเคลื่อนไหว เสียงพากย์ ซึ่งมันคือสิ่งที่น่าจะดีที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้ว ปัญหาหลัก ๆ ของมันคือการถูกเล่าแบบรวบรัด และเนื้อเรื่องที่วางโครงมาไม่
ค่อยดีเท่าไรนัก สำหรับแฟน ๆ Resident Evil ที่อยากจะเห็นลีออนกับแคลร์ซักที ก็ถือว่ามาดูให้หายคิดถึงกันได้ แต่แฟนเกมทุกคนอาจจะผิดหวังไปตาม ๆ กัน เพราะซีรีส์เรื่องนี้ใช้เวลาสร้างกันมาอย่างยาวนานมาก แต่มันกลับมาพร้อมงานเผาในบางส่วน การเล่าเรื่องที่มีปัญหาหนัก จนกลายเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังไปในที่สุด ดูอนิเมะออนไลน์
ลีออนถือเป็นตัวละครยอดนิยมของซีรีส์ Resident Evil ไม่แพ้ Chris Redfield แต่ดูเหมือนว่าในซีรีส์นี้ ความหล่อเท่ของลีออนก็ยังแบกซีรีส์ไว้ไม่ไหว และความสวยน่ารักของตัวละครหญิงอย่างแคลร์และเฉินเหมยก็เช่นกัน สาเหตุเพราะนอกจากตัวบทและการเล่าเรื่องจะมีปัญหาอย่างมากแล้ว มันยังมี
น้อยซีนเหลือเกินที่ลีออนของเราจะได้โชว์ทักษะความสามารถ ซึ่งหลายคนลงความเห็นว่า ตัวละครลีออนที่เพิ่งผ่านศึกช่วยชีวิต Ashley มาได้ 2 ปี กลับไม่ค่อยมีฉากโชว์ความโหด ความเก่งในซีรีส์สักเท่าไร เพราะบทไม่ได้เอื้อขนาดนั้น ฉากแอ็คชั่นจึงออกมาแบบธรรมดา กลาง ๆ และไม่ได้มีซีนให้ลีออนของเราได้ฉายแววสักเท่าไร
และที่หลายคนบ่นยับกันยิ่งกว่าคือบทของแคลร์ที่แม้ว่าภาคนี้จะดีไซน์ออกมาสวยถูกใจใครหลายคน แต่เรื่องบทนั้นเป็นคนละเรื่องกันเลยทีเดียว เพราะแคลร์มีหน้าที่เปรียบเสมือนตัวละครประกอบ ที่ช่วยให้การเดินเรื่องมีน้ำหนักมากขึ้น (หรืออาจจะทำได้ดีกว่าถ้าไม่มีเธอเลย) น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง
เพราะเหมือนกับคนเขียนบทไม่ได้ดูวีรกรรมของเธอใน Code Veronica เลย จึงได้นำตัวละครนี้มาใช้ได้ไม่คุ้มขนาดนี้ ทำให้สิ่งที่หลายคนชื่นชมในช่วงแรก คือดีไซน์ตัวละครและซีจีที่สมยุคสมัย ก็ไม่อาจพยุงซีรีส์ 4 ตอนให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง ด้วยความยาวขนาดนี้สามารถเล่าเป็นหนังขนาดยาว 1 เรื่องได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจึงเลือกที่จะหั่นออกเป็นตอน ๆ แบบนี้