รีวิว Shrek (2001) เชร็ค 1
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหนองน้ำอันไกลโพ้น เป็นที่อาศัยของ เชร็ค ยักษ์ตัวเขียวผู้ต่ำต้อยตนหนึ่ง แล้วจู่ๆก็ถูกรบกวนโดยตัวละครของเทพนิยาย พวกหนูตาบอดมาอยู่ในอาหารของมัน หมาป่าตัวใหญ่ใจร้ายมานอนเตียงของมัน ลูกหมูสามตัวไร้ที่อยู่กับอีกหลายตัว ถูกปีศาจ ลอร์ด
ฟาร์แควด ขับไล่มา เชร็คตัดสินใจที่จะช่วยรักษาบ้านของตัวละครเหล่านี้ไว้ มันจึงต่อรองกับฟาร์แควด และเริ่มออกเดินทางไปช่วยเจ้าหญิงฟีโอน่า เพื่อพาเธอมาเป็นเจ้าสาวของฟาร์แควด โดยมีลาเจ้าคารม ร่วมเดินทางไปด้วย การช่วยชีวิตเจ้าหญิงจากมังกรพ่นไฟ อาจเป็นการแก้ปัญหาของพวกเขาเพียงเล็กน้อย เพราะเจ้าหญิงเปิดเผยความลับที่ลึกซึ้งและมืดมนออกมา อนิเมะ
เรื่องราวของยักษ์สีเขียวตัวใหญ่ชื่อ เชร็ค ที่อาศัยอยู่ที่บ่อน้ำในป่า ไม่ไกลปราสาทของเจ้าชายเมืองแห่งหนึ่ง เชร็ค เป็นยักษ์ที่ชอบความสันโดษ ไม่ชอบอยู่กับใครด้วยเพราะคิดว่าตัวเองเป็นที่รังเกียจและเกรงกลัวของผู้คน วันหนึ่งมีเหตุที่ทำให้เชร็คต้องเดินทางไปยังเมืองของเจ้าชาย และยัง
ได้รู้จักกับลาพูดได้ ชื่อ ดองกี้ ต่อมากลายเป็นเพื่อนซี้กัน เชร็คกับ ดองกี้ ได้รับภารกิจให้ไปช่วยเหลือเจ้าหญิงฟีโอน่า ที่ถูกขังอยู่บนประสาทหอคอยสูงใหญ่ที่มีมังกรตัวใหญ่นอนเฝ้าอยู่ งานนี้จะลงเอ่ยอย่างไรโปรดติดตาม
หนังเรื่องนี้ดูสนุกและเพลินด้วยความตลกของเชร็คที่เป็นยักษ์ใหญ่ท่าทางดุร้ายแต่ลึกๆ แล้วใจดีกับเพื่อนคู่หู ดองกี้ ที่พูดไม่หยุด ทำให้ผู้ชมตกหลุมรักพวกเขาได้โดยง่าย หนังยังให้แง่คิดที่ว่า คนเราอย่าติดสินคนอื่นเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
การ์ตูนแอนิเมชันแห่งค่ายดรีมเวิร์ก การันตีด้วยรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ปี 2001 หลังจากที่ภาคแรกประสบความสำเร็จทำให้มีภาคต่อ คือ Shrek 2 ปี 2004, Shrek the Third ปี 2007, และ Shrek Forever After ปี 2010 ซึ่งโดยรวมแล้วดูสนุกทุกภาค แต่ภาคแรกด้วยความสดใหม่จึงดูสนุกสุด
วันที่ออกฉาย : April 22, 2001 (USA)
ความยาวหนัง : 1h 35m
ประเภท : Animation, Adventure, Comedy,
ผู้กำกับ : Andrew Adamson, Vicky Jenson
พากย์เสียง : Cody Cameron, Conrad Vernon, Andrew Adamson, +more
เรื่องราวของยักษ์สีเขียวตัวใหญ่ชื่อ เชร็ค ที่อาศัยอยู่ที่บ่อน้ำในป่า ไม่ไกลปราสาทของเจ้าชายเมืองแห่งหนึ่ง เชร็ค เป็นยักษ์ที่ชอบความสันโดษ ไม่ชอบอยู่กับใครด้วยเพราะคิดว่าตัวเองเป็นที่รังเกียจและเกรงกลัวของผู้คน วันหนึ่งมีเหตุที่ทำให้เชร็คต้องเดินทางไปยังเมืองของเจ้าชาย และยัง
ได้รู้จักกับลาพูดได้ ชื่อ ดองกี้ ต่อมากลายเป็นเพื่อนซี้กัน เชร็คกับ ดองกี้ ได้รับภารกิจให้ไปช่วยเหลือเจ้าหญิงฟีโอน่า ที่ถูกขังอยู่บนประสาทหอคอยสูงใหญ่ที่มีมังกรตัวใหญ่นอนเฝ้าอยู่ งานนี้จะลงเอ่ยอย่างไรโปรดติดตาม การ์ตูน Shrek
หนังเรื่องนี้ดูสนุกและเพลินด้วยความตลกของเชร็คที่เป็นยักษ์ใหญ่ท่าทางดุร้ายแต่ลึกๆ แล้วใจดีกับเพื่อนคู่หู ดองกี้ ที่พูดไม่หยุด ทำให้ผู้ชมตกหลุมรักพวกเขาได้โดยง่าย หนังยังให้แง่คิดที่ว่า คนเราอย่าติดสินคนอื่นเพียงเพราะรูปลักษณ์ภายนอก
การ์ตูนแอนิเมชันแห่งค่ายดรีมเวิร์ก การันตีด้วยรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม ปี 2001 หลังจากที่ภาคแรกประสบความสำเร็จทำให้มีภาคต่อ คือ Shrek 2 ปี 2004, Shrek the Third ปี 2007, และ Shrek Forever After ปี 2010 ซึ่งโดยรวมแล้วดูสนุกทุกภาค แต่ภาคแรกด้วยความสดใหม่จึงดูสนุกสุด
รีวิว Shrek (2001) เชร็ค 1
มีช่วงเวลาหนึ่งใน “เชร็ค” เมื่อลอร์ดฟาร์ควาดผู้น่ารังเกียจถูกมนุษย์ขนมปังขิงทรมานด้วยการจุ่มเขาลงในนม
นี่เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับช่วงเวลาอีกครั้งเมื่อเสียงร้องเพลงของเจ้าหญิงฟิโอน่าเสียดแทงจนทำให้นกบลูเบิร์ดตัวน้อยครึกครื้น เธอทอด
ไข่ให้ดีที่สุด นี่ไม่ใช่การ์ตูนครอบครัวทั่วไปของคุณ “เชร็ค” ครึกครื้นและชั่วร้ายเต็มไปด้วยเรื่องตลกที่มีเล่ห์เหลี่ยมและยังมีหัวใจภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลาในการสร้างที่ DreamWorks มานานมากซึ่งเดิมทีคริสฟาร์ลีย์ผู้ล่วงลับตั้งใจจะให้เสียงผีปอบตัวเขียวครึกครื้นในบทนำ ผลงานทั้งหมดได้รับ
ผลตอบแทน: ภาพยนตร์เรื่องนี้มีความสุขทางภาพที่น่าอัศจรรย์ด้วยเทคนิคแอนิเมชั่นที่ดูเหมือนมีชีวิตจริงและแปลกประหลาดทั้งสองอย่างพร้อมกัน ไม่เคยมีแอนิเมชั่นใดที่เคยเคลื่อนไหวหายใจหรือมีผิวหนังของมันคลานได้อย่างน่าเชื่อเท่ากับเชร็คและถึงกระนั้นภาพยนตร์ก็ดูไม่เหมือนโลก
แห่งความเป็นจริง ทั้งหมดนี้ประกอบขึ้นจากหูที่มีรูปทรัมเป็ตของเชร็คตอนนี้ไมค์ไมเยอร์สพากย์เสียงของเชร็คด้วยเสียงที่สะท้อนถึงไอ้อ้วนของเขา (ชาวสก็อตที่มีรองเท้าหุ้มส้นใน “Austin Powers: The Spy Who Shagged Me”). เชร็คเป็นอสูรที่อาศัยอยู่ในหนองน้ำที่ล้อมรอบไปด้วย “Keep
Out” และ “ระวัง Ogre!” สัญญาณ. เขาต้องการเพียงถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพังบางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่ได้เป็นพวกอสูร แต่เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตที่โดดเดี่ยวและมีปมด้อยเพราะความอัปลักษณ์ของเขา เขาหวาดกลัวเมื่อความสันโดษในหนองน้ำของเขาถูกรบกวนจากการรุกรานอย่างกะทันหันของสิ่งมีชีวิตในการ์ตูนซึ่งถูกเนรเทศออกจากอาณาจักรของลอร์ดฟาร์ควาด อนิเมะออนไลน์
ความรู้สึกหลังดู
เชร็ค ยักษ์สีเขียวตัวใหญ่ที่รักความสันโดษ เพราะรูปลักษณ์ของตัวเอง จึงคิดว่าทุกคนรอบข้างจะรังเกียจและเกรงกลัวเขา เขาจึงตัดสินใจไม่สุงสิงกับใคร แต่แล้ววันหนี่งโชคชะตาก็พาให้เขาออกผจญภัย ไปพร้อมกับ ดองกี้ เจ้าลาพูดมาก เพื่อไปทำการช่วยเหลือ เจ้าหญิงฟีโอน่า โอรสคนเดียว
ของเจ้าเมือง ที่ถูกขังอยู่บนปราสาทหอคอยสูง ซึ่งมีมังกรร้ายเฝ้าอยู่ที่นั่น เพื่อรอให้ผู้กล้าเข้ามาช่วยสำหรับ Shrek นั้น เหมาะสำหรับคออนิเมชั่นที่มองหาความแปลกใหม่ รวมถึงรู้จักเทพนิยายกริมม์มาอยู่ไม่น้อย เพราะเรื่องนี้จะหยิบเอาตัวละครเหล่านี้มาปรับใหม่ในมุมที่คนดูอาจจะไม่เห็นตัว
ละครที่รู้จักในมุมพิสดารขนาดนี้มาก่อน ก็เรียกได้ว่าแต่ละตัวนั้นมีมุมขโมยซีนและสร้างสีสันให้กับหนังได้อยู่ไม่น้อย รวมถึงการเอามุขจากหนังดังมาปรับใช้ก็เรียกเสียงฮาได้ 10 กะโหลกอยู่เหมือนกัน อีกทั้งตัวเนื้อเรื่องก็ไม่ได้กลวงๆ แถมยังมีข้อคิดและบทพูดคมๆ ที่น่าสนใจด้วย ใครที่ชอบอนิ
เมชั่นสุดสร้างสรรค์จากค่าย Dreamworks อย่าง Masdagascard หรือ Kung Fu Panda แล้ว นี่ก็นับเป็นอีกผลงานชุดที่โดดเด่นและไม่ควรพลาดของค่ายเลย ดูอนิเมะออนไลน์
อนิเมชั่นอีกเรื่องที่เหมือนจะทำมาให้เด็กดู แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเหมาะกับผู้ใหญ่มากกว่า เพราะหัวใจสำคัญของ Shrek ก็คือการจิกกัด เสียดสี ขยี้เรื่องราวให้เทพนิยายที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี ให้กลายเป็นความบันเทิงเรียกเสียงหัวเราะออกมาได้มาก จากตัวละครและเรื่องราวที่เรารู้จัก อย่าง
เช่น พินิคคิโอ สโนไวท์ หนูน้อยหมวกแดง และอื่นๆ อีกมากมาย ก็เอามาสร้างความพลิกผันได้อย่างน่าสนใจ จนแทบไม่มีอะไรเหมือนอย่างเทพนิยายที่เรารู้จักกันอีกต่อไป แต่หนังก็มีเหตุผลของมัน ที่ทำหนังออกมาเช่นนี้ เพื่อเป็นการสร้างเสริมประเด็นของเรื่องให้มีความแข็งแกร่งมาก
ขึ้นซึ่งประเด็นของเรื่องราวนี้ ก็คือในส่วนของการตัดสินคนจากแค่เพียงภายนอก โดยที่ไม่คิดจะทำความรู้จักพวกเขาเสียก่อน ไม่ต่างจากในเรื่องเทพนิยาย ที่มักมีตัวเอกที่หล่อ สวย จนสร้างค่านิยมบางอย่างไปแล้ว แต่ Shrek คือการเอาเรื่องราวพวกนี้มาร้อยเรียงใหม่ ทั้งในของการสร้าง
ข้อคิดดีๆ และในอีกส่วนนึง ก็เอาไว้สร้างสรรค์มุขตลกออกมาได้อย่างโดดเด่น และเรียกเสียฮาได้สุดๆ นอกจากในเรื่องเทพนิยายแล้ว ตัวหนังก็ยังทำการล้อเลียนภาพยนตร์ หรือ Pop Culture ต่างๆ ได้อย่างสนุกจริงๆ (อย่างฉากที่ เจ้าหญิงฟีโอน่า ออกลีลาประหนึ่ง The Matrix ก็ชวนลั่นเหลือเกิน)
ด้วยทีมพากษ์ตัวละครหลักอย่าง Mike Myers, Eddie Murphy และ Cameron Diaz ที่เข้าขากันเป็นอย่างดี การยิงมุขต่างๆ จึงเข้าเป้าได้หลายดอก โดยเฉพาะกับ Eddie Murphy ที่เหมาะกับบทเจ้าลาพูดมากเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าการหยิบมาดูตอนนี้ อาจจะต้องยอมรับว่าภาพใน Shrek อาจจะ
สวยเท่าอนิเมชั่นยุคนี้ไม่ได้ ด้วยเทคโนโลยีในสมัยนั้นที่อาจในภาพมาแบบทื่อๆ กว่า แต่ในแง่ความบันเทิงนั้นต้องยอมรับเลยว่าเป็นความแปลกใหม่อย่างยิ่งในวงการอนิเมชั่นที่สามารถทำหนังที่สามารถจิกกัด เทพนิยาย และล้อเลียนหนังเรื่องอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน โดยที่ไม่เสียโครงเรื่องตัวเอง
แถมยังได้ข้อคิดจากประโยคโดนๆ กลับมามากมายด้วย จนหนังได้รางวัล Best Animated Feature จาก Oscar มาครอง รวมถึงยังได้เข้าชิงด้านบทด้วย