รีวิว Tale From Earthsea
สวัสดีเพื่อนทุกท่านเลยที่เข้ามาอ่าน สำหรับบทความนี้ก็จะมารีวิวและเรื่องย่อของเรื่อง ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร และเป็นอนิเมชันจาก Studio Ghibli บอกเลยถ้ามาจาก Ghibli แล้วก็ต้องสนุกแน่นอนลายเส้นของภาพก็ยังเป็นลายเส้นแบบเก่า ส่วนตัวผมชอบลายเส้นอนิเมะสมัยยุค 90 มาก ๆ เป็นอิเมะไม่ควรพลาดดูมากเลย สามารถหาดูได้ที่ Netflix ความยาวของเนื้อเรื่อง เกือบ 2 ชั่วโมงได้ นั่งดูแปปเดียวก็จบแล้วเพราะมันดูได้เพลิน ๆ รู้สึกตัวอีกทีก็จบซะแล้ว อิอิ
เรื่องย่อ เล่าถึงมนุษย์และมังกรนั้นเท่าเทียมกันบนโลกใบนี้ แต่กับมนุษย์นั้นเลือกพื้นดินและพื้นน้ำ แต่มังกรเลือก ท้องฟ้าและอิสระจึงทำให้มนุษย์และมังกรนั้นค่อย ๆ ห่างเหินกันจนไม่มีใครเคยเห็นมังกรอีกเลย แต่อยู่มาวันหนึ่งได้มีมังกรปรากฏตัวออกมา 2 ตัวกลางทะเลและได้สู้กันจนตัวหนึ่งต้องตายตกทะเลไป แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่จะไม่ได้พูดถึงหรือมีมังกรออกมาเลย จะมีมังกรออกมาแค่ต้นเรื่องและท้ายเรื่องเท่านั้น
อาร์เรน ตัวเอกของเรื่องได้ฆ่าพ่อของตัวเองที่เป็นราชาลง แน่นอนเขาคือลูกชายแท้ ๆ และเป็นเจ้าชายแห่ง Enlad หลังจากที่เขาได้ฆ่าพ่อของตัวเองลงเขาก็ได้หยิบดาบเล่มหนึ่งมาพร้อมกับหนีไป และหลายเป็นผู้เร่ร่อนไปตามที่ต่าง ๆ และระหว่างที่เขาเดินทางไปและเจอกับฝูงหมาป่าที่กำลังทำให้เขาจนมุม ก็ได้มีชายคนหนึ่งมาช่วยเอาไว้ก่อน เขาคือพ่อมดที่เป็นตัวหลักของเรื่องเช่นกันหลังจากที่เขาได้ช่วย อาร์เรน ไว้ได้ อาร์เรน ก็ได้ติดตามพ่อมดคนนี้ไปยังที่ต่าง ๆ
ตัวละครหลัก ๆ ของเรื่องก็จะมีอยู่ไม่กี่ตัวผมจะยกตัวอย่างตัวละครฝั่งตัวเอกมาให้ 2 ตัวละครหลัก ๆ เลยนะครับ
Arren : เด็กหนุ่มที่ฆ่าพ่อตนเองเพราะร่างมืดของเขาทำให้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงต้องเร่ร่อนไปยังที่ต่าง ๆ และเจอเข้ากับพ่อมดที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้และได้ติดตามพ่อมดคนนั้นไป
Therru : เด็กสาวที่ไม่ชอบพบเจอผู้คนเท่าไร วันหนึ่งเขาได้โดนพวกค้ามนุษย์จับตัวและได้ อาร์เรนช่วยเอาไว้ได้ เด็กสาวคนนี้เธอมีพลังที่สุดยอดที่ใครหลาย ๆ คนก็ต้องการมี
ชื่อภาษาอังกฤษ : Tales from Earthsea
ชื่อภาษาไทย : ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร
ชื่อภาษาญี่ปุ่น : 約ゲド戦記 (Gedo Senki)
ผู้กำกับ : โกะโระ มิยะซะกิ
ความยาว : 115 นาที
ถ้าพูดถึงค่ายหนังที่เป็นกระแสอยู่ในเวลานี้ คงหนีไม่พ้นค่าย Studio Ghibli แน่ ด้วยค่ายนี้ได้เคยสร้างอนิเมะที่มีความหลากหลายสอดแทรกไปด้วยแนวคิดปรัชญาไว้มากมายให้เรารับชมกันอยู่น้อยเลย ไม่ว่าจะเป็น Spirit Away, Ocean Wave และอื่น ๆ อีกมากมาย
บอกเลยว่าทุก ๆ เรื่องของค่ายพลาดไม่ได้เลยซักฉากจริง ๆ แต่วันนี่ผู้เขียนจะมาแนะนำอีกเรื่องที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้เลยกับ ศึกเทพมังกร พิภพสมุทร หรือ Tales from Earthsea นับว่าเป็นเรื่องแรกเลยของผู้กำกับ โกะโระ มิยะซะกิ ผู้เป็นลูกชายของ ฮายาโอะ มิยาซะกิ
ที่เป็นผู้กำกับระดับตำนานในค่าย Studio Ghibli ตอนนี้ลูกชายของเขาได้มาขึ้นแท่นเป็นผู้กำกับอย่างเต็มตัวกับเรื่องนี้ ที่ได้เค้าโครงเรื่องจาก ‘The Farthest Shore’ หนังสือเล่มที่สามในซีรีส์ เอิร์ธซี ที่ชื่อ The Farthest Shore ของ เออร์ซูลา เค. เลอกวิน เดี่ยววันนี้ผู้เขียนจะมารีวิวเกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ทุกคนได้ลองคิดตามพร้อมกัน ถ้าพร้อมแล้ว ตามกันมาเลยค่า
รีวิว Tale From Earthsea
โดยเนื้อเรื่องจะกล่าวถึง ณ ดินแดนแห่งโลกทะเล มีมังกรสองตัวกำลังต่อสู้กัน ในขณะที่ธรรมชาติเริ่มอยู่ในภาวะขาดแคลน ฝูงสัตว์น้อยใหญ่กำลังจะตาย ด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้สมดุลของโลกกำลังจะสูญสิ้นระหว่างการสืบหาสาเหตุของเหตุการณ์นี้ เกด พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ได้บังเอิญมาพบกับเจ้าชาขอาร์เรน
ผู้พลัดหลงขณะกำลังต่อสู้กับเงาลึกลับของตน ทั้งคู่เดินทางมาด้วยกันจนถึงเมืองฮอร์ต เมืองที่ทาสสามารถซื้อได้เงินตรา ผู้ติดยาเสพเดินเร่ร่อนตามท้องถนน ขณะที่พวกเขาเดินไปถึงบ้านพักอาศัยของเพื่อนเกด ก็ได้ไปเจอกับเทรุ หญิงสาวกำพร้าหน้าเป็นรอยแผลที่เกิดจากการถูกไฟคลอก
เกดเดินทางมาที่นี่ แล้วรู้ว่าพ่อมดค็อบ ผู้เป็นศัตรูเก่าของตนเมื่อครั้งก่อนกำลังจะเปิดประตูระหว่างดินแดนแห่งความเป็นและความตาย และพ่อมดค็อบก็ได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะต้องชำระแค้นกับพ่อมดเกดให้ได้ ไม่รู้ว่าพ่อมดเกดจะหยุดพ่อมดค็อบได้หรือไม่ ชีวิตของเจ้าชายอาร์เรนจะต่อสู้กับเงาลึกลับของตนเองได้อย่างไร ต้องลองไปติดตามที่ Tales from Earthsea กันได้เลยค่า
ความรู้สึกหลังดู
จากความคิดเห็นของผู้เขียน คิดว่าเป็นอนิเมะที่ดีอีกเรื่องหนึ่งเลย ถึงแม้จะโดนกระแสวิจารณ์ค่อนข้างหนักเกี่ยวตัวเนื้อหาของอนิเมะก็ตาม มีความเข้าใจยากถ้าไม่ได้อ่านนิยายต้นฉบับมาก่อน เพราะผู้กำกับตัดเพียงเนื้อหาในต้นฉบับมาทำเป็นอนิเมะเท่านั้น
แต่ถ้าชมกันแล้ว เราจะสามารถเห็นได้ว่าเรื่องมีการสอดแทรกแนวคิดปรัชญาต่าง ๆ ไว้อยู่มากเลยทีเดียว เช่น สัจธรรมชีวิต กิเลสตัณหาต่าง ๆ รวมกันอยู่ในเรื่องนี้อย่างลงตัว แถมมีการสอดแทรกการมีชีวิตอย่างมีความสุขอีกด้วย
โดยรวมแล้วถือว่าเป็นอนิเมะอีกเรื่องเลยที่อยากแนะนำให้คนดู แต่ถ้าเด็กเล็กดู ควรมีผู้ใหญ่ค่อยรับชมด้วยกันพร้อมสอนข้อคิดของเรื่องนี้ตามไปด้วย เพราะมีฉากที่ไม่ควรเอาแบบอย่างอยู่มากเลยทีเดียว เช่น เจ้าชายอาร์เรนฆ่าพ่อตัวเองตาย เป็นต้น ส่วนด้านภาพถือว่ายังคงเอกลักษณ์ของค่ายนี้ไว้ดีเลย
จากซีรี่ส์ของ Ursula K. Le Guin กลายมาเป็นอะนิเมะ ภายใต้การกำกับครั้งแรกของทายาทมือกำกับอะนิเมะระดับปรมาจารย์ Hayao Miyazaki นาม Goro Miyazaki ครับ วันนี้ ผมได้ดูแล้วอะนิเมะของ Studio Ghibli เรื่อง Tales From Earthsea
หรือชื่อภาษาญี่ปุ่น เขาว่า “Gedo Senki” ชื่อไทย “ศึกเทพมังกรพิภพสมุทร” (เพิ่งรู้นะเนี่ย)
ข่าวว่า เจ้าของบทประพันธ์ดั้งเดิมค่อนข้างผิดหวังในอะนิเมะเรื่องนี้ด้วยเนื้อหาที่บิดเบือนบิดเบี้ยวไปพอสมควร แต่ดูจะชื่นชมในด้านงานภาพอยู่นะ ผมเองก็ไม่เคยอ่านบทประพันธ์ดั้งเดิม เลยไม่สามารถจะแยกแยะตรงนี้ได้มากนัก
ผลงานของลูกชาย Hayao Miyazaki ด้านงานกำกับภาพ ถือไม่เลว ลายเส้นของเรื่องนี้ก็ไม่ต่างจากเรื่องก่อนๆ สวยเวอร์เหมือนเดิม แต่สิ่งที่ค่อนข้างต่างออกไป คือ อารมณ์และการเล่าเรื่อง ซึ่งบางทีมันก็ไม่อาจจะอธิบายออกมาเป็นตัวอักษรกันได้ง่ายๆ เหมือนกันนะเนี่ย
เรื่องย่อ Tale From Earthsea
ตำนานที่เล่าว่า โลกนี้เป็นของ มนุษย์และมังกร ที่มีฐานะ ศักดิ์และสิทธิ์เท่าเทียมกัน แต่มนุษย์เลือกพื้นดินและพื้นน้ำ ขณะที่มังกรกลับเลือกอิสระและท้องฟ้า มนุษย์และมังกรจึงห่างไกลกัน จนไม่มีใครได้เห็นมังกรอีก แต่แล้วก็เกิดวิปริตบางอย่างกับโลก พืซผลเสียหาย โรคระบายแพร่กระจาย มีผู้คนพบเห็นมังกรฆ่ากันเอง แล้วตัวเอกของเรื่อง ก็ฆ่าพ่อของตัวเอง (ซึ่งไม่รู้ว่าตายหรือเปล่า เพราะเรื่องไม่พูดถึงอีกเลย) ก่อนจะหนีมาจนเจอพ่อมด (ซึ่งในเวอร์ชั่นพากย์ไทยเรียก “พ่อมดเหยี่ยว”) ผู้ระบุว่า สมดุลของโลกเปลี่ยนไป
จำต้องเดินทางตามหาที่มา และจัดการให้กลับเข้าสู่สมดุลอีกครั้ง
แล้ว อาร์เรน เด็กตัวเอกของเรื่อง จากเคยเป็นเจ้าชายแห่ง Enlad ก็กลายเป็นผู้เร่ร่อน ไปกับเพื่อนร่วมทางอย่างพ่อมดเหยี่ยว พบเจอทั้งมิตร (เทนาร์ คนที่ดูเหมือนจะเป็นคนรักของพ่อมดเหยี่ยว และ เทรึ เด็กสาวที่เกือบกลายเป็นทาส) และศัตรู (พ่อมดค็อบและลูกน้อง) อาร์เรนต้องต่อสู้กับด้านมืดในตัวเองที่ยังดิ้นไม่หลุด และ…และ…และยังไงต่อ คงต้องขอนั่งดูอีกรอบ
ดูเหมือนจะมีปรัชญาที่แทรกแฝงอยู่ไม่น้อย และซีนอารมณ์แบบสงบๆ นั่น หาไม่ค่อยเจอในอะนิเมะเรื่องนี้ คงมีซีนเดียวละมั้ง ที่เทรึร้องเพลงธีมของเรื่องคนเดียวในทุ่งหญ้าหลังบ้านของเทนาร์ ซีนนี้ยาวทั้งเพลงเลยทีเดียว
โดยรวม ก็ถือว่า เป็นอะนิเมะที่ดี อาจจะไม่ได้สื่ออะไรที่ลุ่มลึกเท่าอะนิเมะของผู้เป็นพ่อนัก แต่ก็เป็นก้าวและจุดเริ่มต้นที่น่าจะพัฒนากันต่อไปได้ เพราะวันหนึ่ง ผู้เป็นพ่อคงต้องจากลาวงการไปนั่งนอนพักอยู่กับบ้านเสียที ฝากความหวังของ Studio Ghibli เอาไว้ในมือลูกๆ และผู้สืบต่อนี่แหละที่มาช่วยดูแล
อะนิเมะจาก Studio Ghibli อาจจะมีเอกลักษณ์หรือรูปแบบที่แตกต่างไปบ้างจากวันนี้ นั่นก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องดูกันไป
ที่เหลือ คงต้องหา Ponyo มาดูสินะ อิอิ
