รีวิว The Grinch เดอะ กริ๊นช์
เชื่อเหลือเกินว่าสำหรับใครที่อยู่ในวัย 30+ ต้องรอคุ้นหน้าหรือรู้จักเจ้าสัตว์ประหลาดสีเขียวผู้จงเกลียดจงชังเทศกาลคริสมาสต์ตัวนี้เป็นอย่างดี แอนิเมชั่นบอกเล่าเรื่องราวของกริ๊นช์ สิ่งมีชีวิตตัวสีเขียวที่อาศัยอยู่บนยอดเขาสูง เขาใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวร่วมกับสุนัขแสนรู้อย่างแมกซ์ เวลาว่างของกริ๊นช์นั้นหมดไปกับการประดิษฐ์เครื่องไม้เครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับชีวิตของตัวเอง และน้อยครั้งนักที่เขาจะเดินทางลงไปยังหมู่บ้านฮูวิลล์ เพื่อจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารและอุปกรณ์ยังชีพ
เชื่อเหลือเกินว่าสำหรับใครที่อยู่ในวัย 30+ ต้องรอคุ้นหน้าหรือรู้จักเจ้าสัตว์ประหลาดสีเขียวผู้จงเกลียดจงชังเทศกาลคริสมาสต์ตัวนี้เป็นอย่างดี ซึ่งส่วนตัวตั้งแต่เห็นแคแร็คเตอร์ในหนังแอนิเมชันเวอร์ชัน 2018 ก็ต้องบอกว่ามันดูกวนและน่ารักขึ้นเยอะจากภาพจำในหนังเรื่อง Home Alone เมื่อปี 1990 มากนัก ประกอบกับเมื่อเห็นชื่อของสตูดิโออย่าง Illumination ก็ค่อนข้างเบาใจว่าอย่างน้อยก็ต้องการันตีความบันเทิงประมาณนึง แม้ว่าตัวเมสเซจอาจไม่ได้ลึกซึ้งกินใจกันมากนัก
The Grinch ได้ Scott Mosier และ Yarrow Cheney มาร่วมนั่งแท่นกำกับครั้งแรก ขณะที่ในเวอร์ชันซาวน์แทร็กนั้นได้คุณเชอร์ล็อค โฮล์มอย่าง Benedict Cumberbatch มารับบทพากย์เป็นตัวเอกของเรื่องด้วย
โดยแอนิเมชันจะเป็นการเล่าเรื่องราวของเจ้า กริ๊นช์ ตัวประหลาดสีเขียวที่ใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำบนเขาครัมเพ็ตโดยมีแม็กซ์ สุนัขเพื่อนยากคู่หูของเขา ซึ่งปกติแล้ว กริ๊นช์ จะอาศัยอยู่ใกล้กับเมือง ฮู-วิลล์ แต่ด้วยเทศกาลคริสมาสต์ที่กำลังจะมาถึง
ชาวเมืองก็เตรียมจะจัดงานใหญ่ต้อนรับเทศกาล ในขณะที่เจ้ากริ๊นช์ เกลียดเทศกาลนี้เข้าเส้น เพราะเขาต้องการความสงบ แผนการร้ายที่จะขัดขวางงานคริสมาสต์จึงเริ่มต้นขึ้น
เมื่อถึงคริสต์มาสในแต่ละปี ชาวฮูรบกวนความเป็นส่วนตัวของกริ๊นช์ ด้วยการเฉลิมฉลอง ร้องเพลงเสียงดังและการประดับประดาไฟที่สว่างจ้า ยิ่งไปกว่านั้น บริคเกิ้ลบาว์น เพื่อนบ้านที่ดูเหมือนจะร่าเริงได้ตลอดเวลาได้ประกาศว่าปีนี้ เขาจะจัดงานคริสต์มาสให้ใหญ่กว่าทุกปีถึงสามเท่า สิ่งเดียวที่กริ๊นช์จะได้ความเงียบสงบกลับคืนมา คือการ “ขโมยวันคริสต์มาส” ซะ
ภาพรวมของ The Grinch ถือเป็นการ์ตูนเบาสมองภาพสวยเรื่องหนึ่งที่ขยันปล่อยมุกออกมาเป็นระยะ ซึ่่งส่วนใหญ่จะเป็นมุกฮาแบบเด็ก ๆ ซะส่วนใหญ่ ผู้ใหญ่อย่างเราอาจจะพอยิ้มมุมปาก ขณะที่ตัวหนังก็เล่าเรื่องแบบกระชับ รวบรัด
ไม่ซับซ้อนใด ๆ ถือว่าอาจจะไม่ถึงกับบันเทิงเหมือนที่คาด แต่ก็เพลิดเพลินกับแคแร็คเตอร์เวอร์ชันนี้ ที่ เจ้าตัวเขียวดูน่ารักกว่าเดิมเยอะ หนังเน้นไปที่ปมของ กริ๊นช์ ที่รู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากชาวเมือง ฮู-วิลล์ และแน่นอนว่าระหว่างทาง ตัวละครต่างก็มี coming of age ที่ได้เรียนรู้ เข้าใจ และจูนเข้าหากัน ได้ดูสนุกมีสีสัน ยิ่งดูก็ยิ่งหลงรัก กริ๊นช์ มากขึ้น รวมทั้งตัวละครแวดล้อม โดยเฉพาะเจ้าแม็กซ์ สุนัขคู่กายของเจ้ากริ๊นช์ ที่ออกมาขโมยซีนเจ้านายหลายครั้ง สีสันและบรรยากาศ ทำเอานึกถึงแก๊งขนฟูใน The Secret Life of Pets เหมือนกัน
รีวิว The Grinch เดอะ กริ๊นช์
The Grinch จัดเป็นการ์ตูนใส ๆ ที่ยังมอบความบันเทิงได้ระดับเพลิน ๆ อาจยังห่างกับการ์ตูนเกรดแบบ Inside Out สักหน่อย ในเรื่องพาร์ทดราม่าหรือคติสอนใจ ที่อาจทำได้บาง ๆ ไม่อินมากเท่าไหร่นักสำหรับผู้ใหญ่ แต่เมื่อได้เห็นวิวัฒนาการความแสบสันต์ของหนึ่งในตัวการ์ตูนที่เติบโตมากับเราตั้งแต่เด็ก นี่ถือเป็นการกลับมาปรากฏตัวบนจอเงินอีกครั้งที่มอบความสุขให้เหมือนเช่นเคย
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในแอนิเมชั่นเรื่องนี้ คือการพาเด็กๆไปทำความรู้จักกับบุคคลที่แปลกแยกจากสังคมอย่างเดอะกรินช์ เขาต่อต้านสังคมเพียงเพราะว่า ในอดีตนั้นเขารู้สึก (ไปเอง) ว่าตัวประหลาดอย่างเขาน่าจะไม่เป็นที่ต้องการของคนทั่วไป
เมื่อขาดการเหลียวแล ทำให้เขาเลือกจะตอกย้ำตัวเองด้วยการออกมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียว และทุกครั้งที่เขาเห็นผู้คนทั่วไปกำลังมีความสุขและเฉลิมฉลองกับเทศกาลนั้น ความรำคาญที่เกิดขึ้นนั้นเป็นผลมาจากความรู้สึกโดดเดี่ยว เกิดความอิจฉาในความสุขของคนอื่น และเปลี่ยนความยินดีของผู้คนเหล่านั้นให้กลายเป็นความน่ารำคาญแทน
แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เกิดจากการที่ตัวกริ๊นช์เองไม่เคยเปิดใจรับว่า ความหงุดหงิดรำคาญที่เกิดขึ้นในใจของเขานั้นเป็นเพราะเขาต่อต้านเทศกาล หรือเป็นเพราะเขาไม่เคยเดินเข้าหาคนอื่น เพื่อทำความเข้าใจว่า บางครั้งความสุขนั้นก็เกิดขึ้นได้ เพียงแค่เราลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนความคิด และทำความเข้าใจกับบริบทของสังคมนั้น ตราบใดที่วัฒนธรรมประเพณีไม่ได้ขัดต่อกฎหมายหรือความสงบสุขของบ้านเมือง บางครั้งการลองเปิดใจดูบ้าง แค่เปลี่ยนความคิดชีวิตก็เปลี่ยน
หนัง The Grinch หรือชื่อไทยว่า เดอะ กริ๊นซ์ เบเนดิกต์ คัมเบอร์แบตช์ ให้เสียงพากย์ “กริ๊นช์” เจ้าตัวเขียวสุดป่วน ในภาพยนตร์อนิเมชั่นลำดับที่ 8 ของอิลลูมิเนชั่น เอนเตอร์เทนเมนท์ The Grinch เดอะ กริ๊นช์ พบกับเรื่องราวสุดคลาสสิคผลงานของดร.ซูส ที่เล่าเรื่องราวของคนพาลกับภารกิจขโมยคริสต์มาสแสนสุขในฮู-วิลล์ กริ๊นช์ ใช้ชีวิตโดดเดี่ยวภายในถ้ำบนภูเขาครัมเพ็ตกับแม็กซ์
สุนัขผู้ซื่อสัตย์ของเขา กริ๊นช์จะออกมาพบกับเพื่อนบ้านในฮู-วิลล์ เมื่ออาหารหมดเท่านั้น ในแต่ละปี ชาวฮู-วิลล์ เฉลิมฉลองคริสต์มาสใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยปีนี้จะยิ่งใหญ่เป็น 3 เท่า กริ๊นช์ รู้ดีว่ามีทางเดียวที่เขาจะได้รับความสงบ
นั่นก็คือเขาต้องขโมยวันคริสต์มาสต์ เมื่อต้องการทำเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจแต่งเหมือนซานตาคลอสในวันคริสต์มาสอีฟ และไปดักกวางมาดึงรถเลื่อนของเขา ใน ฮู-วิลล์ ซินดี้-ลู ฮู เด็กสาวคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยสปิริตของวันหยุด เธอกับเพื่อนวางแผนมาดักซานตาคลอสในวันคริสต์มาสอีฟ เพื่อขอบคุณที่ช่วยแม่เธอทำงาน เมื่อคริสต์มาสใกล้เข้ามา การวางแผนของเธอกลับเป็นการคุกคามแผนร้ายของกริ๊นช์ ซินดี้-ลูจะบรรลุเป้าหมายคือได้พบกับซานตาคลอสหรือไม่? กรินช์จะประสบความสำเร็จในทำลายคริสตมาสหรือไม่?
ความรู้สึกหลังดู
หนังอนิเมชั่นเรื่องใหม่จากค่าย Illumination (เจ้าของเดียวกับมินเนี่ยนนั่นแหละ) แถมจากตัวอย่างแล้วก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่บันเทิงและสนุกไม่ใช่เล่น หนำซ้ำยังได้ผู้ให้เสียงพากย์ตัวเอกเป็น ฺBenedict Cumberbatch อีกด้วย ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดก่อนดูแล้วมันน่าสนุก และน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
เป็นเรื่องราวของเจ้าตัวเขียวอยู่ตัวคนเดียวสันโดดกับหมาของเขา บนเทือกเขา ที่เกลียดวันคริสมาสต์เข้าไส้ ด้วยปมอะไรบางอย่างในจิตใจ แต่เขาดันต้องมีเหตุการณ์บางอย่างให้เข้าเมืองไปเจอการเฉลิมฉลองวันคริสมาสต์ เขาจึงคิดแผนการชั่วร้าย ขึ้นมา ด้วยการที่ “เขาจะโมยคริสมาสต์” จะเป็นอย่างไรต้องไปดูในเรื่องนี้เอง
คือก่อนที่จะดูเรื่องนี้ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากมันอยู่แล้ว แค่คิดว่าอย่างน้อยก็คงสร้างความบันเทิง ความสนุก เพลินๆ แต่สรุปหลังดูจบมันกลับทำไม่ได้เลย….
เอาที่ชอบก่อนดีกว่า ที่เห็นเด่นชัด และชอบมากๆ เลยคือการเล่าเรื่องด้วยเสียงบรรยายในหลายๆ ฉาก จะเป็นการเล่าเรื่องแบบคำกลอน ซึ่งมันฟังแล้วลื่นหูมาก บวกกับการที่ตัวเอกต่อประโยคด้วยกลอนเช่นกัน เรารู้สึกว่าตรงนี้มันเจ๋งดี มันทำให้ภาพรวมของหนังไหลลื่นแบบสุดๆ และอีกหลายๆ ฉากที่พอมีให้เราได้หัวเราะมุมปากบ้างเล็กน้อย ยิ้มบ้างนิดหน่อย และฉากตอนขโมยคริสมาสต์ก็เจ๋งดี
แต่การดำเนินเรื่องของหนังเรื่องนี้ค่อนข้างน่าเบื่อเลย เรารู้สึกเฉยๆ มาก เป็นเส้นตรงมาก ตรงแบบตรงแน่วเลย ปมดราม่าก็เบาบางเหลือเกิน นิทานอีสปยังเล่าได้สนุกกว่า คือมันเป็นหนังอนิเมชั่นที่เหมาะกับเด็กมาก มากถึงมากที่สุด ไร้ซึ่งความรุนแรง ความซับซ้อนใดใดทั้งสิ้น หนังมันไม่ทำงานกับเราในเกือบทุกภาคส่วน คือเป็นหนังอนิเมชั่นที่เราไม่สนุกกับมันเลย
เอาที่ชอบก่อนดีกว่า ที่เห็นเด่นชัด และชอบมากๆ เลยคือการเล่าเรื่องด้วยเสียงบรรยายในหลายๆ ฉาก จะเป็นการเล่าเรื่องแบบคำกลอน ซึ่งมันฟังแล้วลื่นหูมาก บวกกับการที่ตัวเอกต่อประโยคด้วยกลอนเช่นกัน เรารู้สึกว่าตรงนี้มันเจ๋งดี มันทำให้ภาพรวมของหนังไหลลื่นแบบสุดๆ และอีกหลายๆ ฉากที่พอมีให้เราได้หัวเราะมุมปากบ้างเล็กน้อย ยิ้มบ้างนิดหน่อย และฉากตอนขโมยคริสมาสต์ก็เจ๋งดี
มันอาจจะไม่เหมาะกับเราก็ได้ ปกติหนังอนิเมชั่นแต่ละเรื่องมันสามารถทำให้เราสนุกกับมันได้มากกว่านี้ ถึงแม้เนื้อเรื่องจะแย่แค่ไหนก็ตาม แต่เรื่องนี้ทำไม่ได้ ถ้าใครมีลูกมีหลาน เด็กๆ อยากพาไปดูก็ได้นะ เพราะเด็กๆ คงจะชอบ (แต่ในโรงที่ไปดูก็มีเด็กเยอะนะ และมันเป็นหนังเรื่องแรกที่ไม่ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะกับหนังเลยแม้แต่แอะเดียว)
ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่สนุกที่สุดของหนังอนิเมชั่นเรื่องนี้คือ หนังปะหน้าก่อนฉาย The Grinch (ถ้าใครอยากดูคงต้องลงทุนไปดูเรื่องนี้แล้วแหละ บอกเลยว่าสนุกกว่าหนังทั้งเรื่องอีก!!!)
ชื่อภาพยนตร์: The Grinch / เดอะ กริ๊นช์
ผู้กำกับภาพยนตร์: Yarrow Cheney, Scott Mosier
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Michael LeSieur (screenplay by), Dr. Seuss (based on the book by)
นักแสดงนำ: Rashida Jones, Tristan O’Hare, Scarlett Estevez, Benedict Cumberbatch
ความยาว: 90 นาที
ปี: 2018
แนว/ประเภท: Animation, Comedy, Family, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
เรท: ไทย/, MPAA/PG
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 8 พฤศจิกายน 2561
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Universal Pictures, Illumination Entertainment, Perfect World Pictures (Beijing)