รีวิว The Promised Neverland Season 2
สำหรับวันนี้นั้น เราจะมานำเสนอการรีวิวอนิเมะ ที่มีทั้งความสนุก น่าตื่นเต้น ถือได้ว่า เป็นอนิเมะอีกเรื่องหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว “The Promised Neverland” พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ เป็นอีกหนึ่งอนิเมะที่สร้างมาจากหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น จากผลงานของ อ. Shirai Kaiu ที่ออกตีพิมพ์ในปี 2016 ซึ่งหลายคนออกมาพูดว่าเหมือนกันว่า “ดีจริง ๆ” และเราได้พิสูจน์ด้วยตัวเราเองแล้วว่า มันดีจริง ๆ
The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ คือเรื่องราวในบ้านเด็กกำพร้า ซึ่งถูกเลี้ยงโดยแม่บุญธรรม เพื่อเตรียมพร้อมออกไปใช้ชีวิตภายนอก เมื่อพวกเขามีอายุครบ 12 ปี ซึ่งทั้งหมดดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวที่ปกติ จนกระทั้งวันหนึ่งที่ Emma และ Norman ซึ่งเด็ก 2 คนนี้คือ 2 ใน 3 เด็กฉลาดที่สุดในบ้านเด็กกำพร้านี้ โดยที่พวกเขาได้ไปรับรู้ถึงความลับของสถานที่แห่งนี้ ที่ถูกเรียกว่า “ฟาร์ม” ซึ่งเป็นที่เพาะพันธ์อาหารของพวกยักษ์ ซึ่งก็คือ เด็ก ๆ ในบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านี่เอง ดังนั้นทั้ง Emma และ Norman จึงได้ชักชวน Ray ซึ่งเป็นเด็กอีกคนที่ฉลาดเหมือนกับพวกเขา โดยมีเป้าหมายคือ ต้องออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ให้ได้ อนิเมะต่างโลก
โดยตัวละครทั้ง 3 ตัวนี้ มีความเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งในด้านนิสัย และบุคลิกเฉพาะตัว เช่น Emma คือเด็กผู้หญิง ที่มีความคล่องแคล่ว อ่อนโยน รักครอบครัว แต่สำหรับ Norman ถือเป็นเด็กที่มีความฉลาดมากที่สุดในกลุ่ม มีความสุขุมรอบครอบอยู่ตลอดเวลา ชอบวางแผน ในส่วนของ Ray นั้น เป็นเด็กที่มีนำความสามารถจากเด็กทั้งสอง มาร่วมกันอยู่ที่ Ray เนื่องจากเขามีทั้งความคล่องแคล่ว และความฉลาดที่เหมือนกับ Norman อีกด้วย
เพื่อนๆ มีวิธีการเลือกอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นกันอย่างไรบ้างคะ พิจารณาจากภาพวาดหน้าปก หรือเนื้อเรื่องต้องโดดเด่นเป็นหลัก สำหรับเรา ภาพวาดต้องสวยมองแล้วไม่ไก่เขี่ย เนื้อเรื่องก็ต้องสนุกตื่นตาตื่นใจตลอดเวลาอ่านด้วยค่ะ (ดูโลภมากจัง-ฮ่า)
ช่วงหลังมานี้การ์ตูนใหม่ ๆ ยังหาที่ต้องตาต้องใจยาก แล้ววันหนึ่งเพื่อนก็หยิบการ์ตูนเล่มหนึ่งมาให้อ่าน หน้าปกดูเด็ก ๆ ก็น่ารักดี ลองอ่านหน่อยก็ได้… อ่านจบเล่ม 1 ปุ๊บ ร้องว้าว ลากเสียงยาว ๆ ปั๊บ บอกได้คำเดียวว่า อย่าหลงเชื่อหน้าปกเด็ดขาด เพราะมันไม่ธรรมดา ทั้งมุมมองของภาพและเนื้อเรื่องที่หนักหน่วง… The Promised Neverland พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ คือ การ์ตูนเรื่องที่ว่า…
นอกจากตัวละครเด่นทั้ง 3 ตัวนี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้ นั่นคือเรื่องของพล็อตเรื่อง ซึ่งทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยการดำเนินเนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ทำให้คนดูสับสน อีกทั้งยังมีเรื่องของภาพ เสียง Effect และเสียงพากย์ ซึ่งทำออกมาได้ดี
ช่วยเพิ่มอารมณ์ของผู้ชมได้เป็นอย่างดี สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูอนิเมะนี้แล้ว ให้คะแนนถึง 9/10 ไปเลย เพราะถือได้ว่า เป็นอนิเมะที่ดีอีกเรื่องหนึ่งในปี 2020 เพราะมีทั้งเรื่องของการหักมุมแล้ว หักมุมอีก ซึ่งทำให้ผู้ชมได้ลุ้นตามกันตลอดทั้งเรื่อง ไม่น่าเบื่อ สำหรับคนที่ชื่นชอบอนิเมะในแนวนี้ แนะนำให้ลองหาชมดู รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
รีวิว The Promised Neverland Season 2
พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ (The Promised Neverland) 2021 ซีซัน 2 เป็นภาคต่อและภาคจบของการผจญภัยของเหล่าเด็ก ๆ ที่หลบหนีจากบ้านเด็กกำพร้าในซีซันที่แล้ว ซึ่งซีซันนี้จะเป็นการผจญภัยของเหล่าเด็ก ๆ นอกรั้วบ้านเด็กกำพร้า รวมทั้งการไปรู้จักกับโลกภายโลก ซึ่งเป็นโลกของเหล่ายักษ์ โดยในซีซันที่สองก็ยังทำออกมาได้ดี แต่ตอนจบอาจไม่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก
พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ (2021) ซีซัน 2 เป็นเรื่องราวของเหล่าเด็ก ๆ หลังจากที่ได้หนีออกจากบ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าเกรซฟิลด์ พวกเขาพยายามที่จะตามหาหลุมหลบภัยและเบาะแสจากผู้ช่วยเหลือ “วิลเลียม มิเนอร์วา”ที่ได้ทิ้งไว้ให้ แต่โชคชะตากลับไม่เข้าข้าง เมื่อเด็ก ๆ ต้องถูกตามล่าจากพวกยักษ์และอิซาเบลล่าและพวกเขาก็ได้รู้ความลับเบื้องหลังทั้งหมด การต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่จึงได้เริ่มต้นขึ้น
นอกจากตัวละครเด่นทั้ง 3 ตัวนี้แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราไม่พูดถึงเลยก็ไม่ได้ นั่นคือเรื่องของพล็อตเรื่อง ซึ่งทำออกมาได้อย่างดีเยี่ยม โดยการดำเนินเนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อ เป็นไปอย่างราบรื่น ไม่ทำให้คนดูสับสน อีกทั้งยังมีเรื่องของภาพ เสียง Effect และเสียงพากย์ ซึ่งทำออกมาได้ดี
ช่วยเพิ่มอารมณ์ของผู้ชมได้เป็นอย่างดี สำหรับความรู้สึกหลังจากที่ได้ดูอนิเมะนี้แล้ว ให้คะแนนถึง 9/10 ไปเลย เพราะถือได้ว่า เป็นอนิเมะที่ดีอีกเรื่องหนึ่งในปี 2020 เพราะมีทั้งเรื่องของการหักมุมแล้ว หักมุมอีก ซึ่งทำให้ผู้ชมได้ลุ้นตามกันตลอดทั้งเรื่อง ไม่น่าเบื่อ สำหรับคนที่ชื่นชอบอนิเมะในแนวนี้ แนะนำให้ลองหาชมดู รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน
ความรู้สึกหลังดู
หลังจากที่ดูซีซันแรกจบก็ต่อด้วยซีซันสองทันที เพราะว่าภาคแรกทำไว้ดีมาก มีครบทุกอารมณ์ ทั้งอารมณ์ซึ้ง เศร้า ระทึกและลุ้นไปกับตัวละคร ในส่วนของภาคสองตอนเริ่มแรกก็สามารถทำออกมาได้ดี การเล่าเรื่องการผจญภัยของเด็กที่รู้สึกว่าน่าลุ้นตามไปด้วย เดาไม่ได้เลยว่าพวกเด็ก ๆ จะเอาตัวรอดอยู่ยังไงต่อไป
พอถึงช่วงกลางเรื่องก็มีเรื่องให้เซอร์ไพรส์ (แต่ก็เป็นการเซอร์ไพรส์ที่ไม่ได้ว้าวมากและเนื้อเรื่องส่วนนี้เป็นจุดหักเหที่สำคัญของเรื่อง) เมื่อถึงช่วงท้าย ๆ เรื่องรู้สึกว่าอะไร ๆ ดูง่ายและลงตัวไปหมด รวมทั้งตอนจบที่ไม่เล่ารายละเอียดมากมายนัก รู้สึกประทับใจที่หลัง ๆ ที่จะเรื่องการเมืองและสังคมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งมันทำให้อนิเมะดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น
โดยในอนิเมะตัดตัวละครและฉากสำคัญช่วงท้าย ๆ เรื่องที่มีในมังงะออกไป (เป็นการตัดจบที่โหดร้ายมาก เมื่อดูจบถึงต้องกับร้อง อิหยังวะ!) ซึ่งในฉบับอนิเมะได้จบลงแบบ Happy ending แต่หากใครอยากติดตาม พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ แบบเต็ม ๆ เรื่องก็สามารถหาอ่านในฉบับมังงะได้ ซึ่งตอนนี้ฉบับมังงะได้จบแล้วและมีทั้งหมด 20 เล่ม
จริง ๆ แล้วเราก็เป็นเด็กคนหนึ่ง
ซีซันแรก เด็ก ๆ รู้เพียงว่าโลกภายนอกมียักษ์อาศัยอยู่และแท้จริงแล้วบ้านเด็กกำพร้าเป็นฟาร์มของเหล่ายักษ์ ในซีซันที่สองเด็ก ๆ จะต้องใช้ชีวิตอยู่ปะปนกับพวกยักษ์และเอาชีวิตรอดไปวัน ๆ เมื่อกลุ่มของเอ็มม่าและเรย์ได้พบนอร์แมนอีกครั้ง พวกเขามองเห็นความจริงที่มนุษย์และยักษ์ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้
นอร์แมนจึงวางแผนอย่างสุดโต่งว่าจะฆ่าพวกยักษ์ให้หมดทั้ง ในขณะที่เอ็มม่าไม่เห็นด้วย สำหรับเอ็มม่าแล้ว นอร์แมนก็ยังเป็นเด็กที่อ่อนโยนคนหนึ่งและยังเป็นเพื่อนของเธอ แต่เนื่องจากนอร์แมนเป็นคนที่ฉลาดมาก ทุกคนจึงหวังพึ่งพาเขาและนอร์แมนก็ต้องกลายเป็นผู้นำและมีความเป็นผู้ใหญ่เพราะความจำเป็น
เมื่อมนุษย์กลายเป็นอาหาร การเมืองของเหล่ายักษ์
สิ่งที่น่าสนใจของพล็อตเรื่องของอนิเมะเรื่องนี้คือ เรื่องราวเมื่อมนุษย์กลายเป็นอาหารของพวกยักษ์ ซึ่งยักษ์เป็นสิ่งมีชีวิตหนึ่งที่อยู่บนโลกมานานเช่นกันเดียวกับมนุษย์ (ในเรื่องไม่ได้อธิบายความเป็นมาของเผ่าพันธุ์ยักษ์ แต่อธิบายว่าเผ่าพันธุ์ยักษ์ก็อยู่มานานมากแล้วจนไม่ได้มีใครสนใจเรื่องที่มา)
เนื่องจากยักษ์ต้องกินมนุษย์เพื่อป้องกันความเสื่อมสภาพและความอยู่รอดของตน มนุษย์กับยักษ์ซึ่งต้องแยกกันอยู่ (อยู่กันคนละมิติ) และทำฟาร์มมนุษย์เพื่อเป็นอาหาร ซึ่งในเรื่องก็ได้มีเจ้าหญิงผู้ที่มีเลือดพิเศษที่สามารถช่วยให้พวกยักษ์หลุดพ้นจากความเสื่อมสภาพโดยไม่ต้องกินมนุษย์อีกต่อไป
แต่ด้วยการที่ชนชั้นปกครองของพวกยักษ์สูญเสียอำนาจทางการเมือง (ไม่สามารถนำเรื่องฟาร์มมาควบคุมประชาชนและแบ่งชนชั้นได้) ชนชั้นปกครองจึงสั่งสังหารผู้ที่มีเลือดวิเศษ เจ้าหญิงและผู้ที่มีเลือดวิเศษจึงต้องซ่อนตัว
ตอนจบที่หายไป
แม้ว่าเรื่องราวในอนิเมะจะจบลงด้วยดี แต่ส่วนตัวรู้สึกขัดใจกับตอนจบที่จบแบบต้องการตัดจบ ซึ่งไม่ได้บอกรายละเอียดสำคัญว่าพวกเอ็มม่าและเจ้าหญิงทำอย่างไรในการดีลกับโลกของพวกยักษ์หรือต้องฝ่าฟันอุปสรรคอะไรบ้าง (ซึ่งนำเสนอเรื่องราวตรงนี้ด้วยภาพสไลด์แบบเร็วในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเรื่อง) แต่อย่างน้อย ๆ ก็เป็นตอนจบแบบที่ทำให้รู้สึกไม่ค้างคา
พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์ (2021) ซีซัน 2 เป็นภาคจบที่จบแบบไม่ค้างคาแต่อาจจะขัดใจคนดูและแฟนมังงะ เนื่องจากจัดเนื้อหาไปหลายส่วน หากใครอยากติดตามเรื่องราวแบบครบถ้วนสามารถตามอ่านได้ในมังงะ (ในอนิเมะและมังงะมีจุดที่แตกต่างกันอยู่) และหากใครที่เป็นแฟนอนิเมะก็สามารถดูได้ใน Netflix โดยมีทั้งหมด 11 ตอน สามารถดูจบได้ภายในประมาณ 4 ชั่วโมง