รีวิว The Secret World of Arrietty (2010)
อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว อนิเมชันชื่อดังจากสตูดิโอจิบลิที่สร้างตั้งแต่ปี 2010 ถึงแม้จะเป็นอนิเมชันที่เก่าแล้ว แต่ก็ยังให้ความรู้สึกที่ดีทุกครั้งที่ย้อนกลับไปดู ซึ่งเรื่องราวของเด็กชายที่เปลี่ยวเหงากับคนตัวจิ๋วผู้ลึกลับสามารถทำให้ผู้ชมรู้สึกดีได้อย่างไม่น่าเชื่อฉายที่ไทยในปี 2554 อนิเมะจากค่าย GHIBLI ที่โด่งดังของญี่ปุ่นที่ผลิตการ์ตูนที่
เป็นที่รู้จักอย่าง Totoro แต่ยังมีอนิเมะอีกหลายเรื่องที่เราประทับใจอย่างเช่นเรื่องนี้ อนิเมะแห่งจินตนาการที่มีเค้าโครงเรื่องมาจาก ฅนตัวจิ๋ว เป็นเรื่องที่เราเคยคิดว่าบนโลกมีคนตัวจิ๋วอยู่จริง ๆ และเรื่องนี้ก็ทำให้จินตาการของเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
Arrietty (อาริเอตี้) คือชื่อของผู้หญิงตัวเล็กในเรื่อง การเล่าเรื่องเริ่มจากครอบครัวตัวจิ๋ว สูงเพียง 10 เซนติเมตร ที่อาศัยอยู่ด้วยกันสามคน พ่อ แม่ ลูกสาว เป็นครอบครัวคนตัวจิ๋วครอบครัวสุดท้ายในเมืองนี้อาศัยอยู่ใต้ถุนของบ้านหลังหนึ่ง โดยหยิบยืมของกินของใช้จากบ้านหลังนี้มาใช้เป็นอาหาร อุปกรณ์ต่าง ๆ ในการดำรงชีวิต เช่นพวกเครื่องปรุง เศษผ้า
ต่าง ๆ ศัตรูของพวกคนตัวจิ๋วก็คือสัตว์ทุกชนิดที่ตัวโต เช่น มนุษย์ แมว กบ นกและแมลง อาริเอตี้เป็นสาวน้อยที่กล้าหาญและดื้อรั้น ต้องใช้ชีวิตโดยห้ามให้คนตัวโตเห็นเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะถูกจับตัวไป จนอาริเอตี้ได้เจอกับผู้ชายตัวโตหลานเจ้าของบ้านที่คอยช่วยเหลืออาริเอตี้ตลอด อนิเมะต่างโลก
จนเกิดเป็นความรักและความเชื่อใจขึ้นมา แต่ผู้ชายตัวโตคนนี้ป่วยเป็นโรคหัวใจอาศัยที่นี่เพื่อรอการผ่าตัด จึงกลายเป็นความรักระหว่างคนต่างพันธุ์ และความรักที่เป็นไปได้ยาก
การเล่ารายละเอียดของเรื่องมีความละเอียดอ่อนและงดงามมาก เป็นความรักที่อบอุ่นหัวใจ ภาพและสีในเรื่องสวยมาก สมจริง เก็บรายละเอียดตั้งแต่บ้านเรือน ป่าไม้ ถ้วยชาม เสื้อผ้า จนอยากให้มีคนตัวจิ๋วแบบนี้อยู่ในบ้านด้วยเลย Studio GHIBLI เป็นค่ายที่ทำอนิเมะออกมาได้สวยสมจริงอยู่แล้ว ในเรื่องนี้เราจะได้เห็นบรรยากาศบ้านหลังเล็ก
ของใช้เล็ก ๆ รวมไปถึงถ้วยชามอาหารที่น่ารักไปหมด การเล่นกับอุปกรณ์ของใช้ภายในบ้านโดยจับคนตัวเล็กเข้าไปอยู่ตรงนั้นตรงนี้ได้อย่างกลมกลืน แต่ไม่ได้กล่าวถึงแค่การใช้ชีวิตของเหล่าคนตัวเล็กเพียงเท่านั้น ยังมีเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกหน่วงหัวใจ ความผิดหวังกระทั่งความสับสนของตัวละครในเรื่อง
ตอนจบที่เราต้องคิดต่อไปอีกว่าหลังจากนั้นเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป เราอยากให้อาริเอตี้สมหวังในรูปแบบไหน ความสัมพันธ์นี้จะจบลงแบบเพื่อนแค่นั้นรึเปล่า ฉากประทับใจที่สุดของเราก็คือฉากจบของเรื่องที่ทำให้น้ำตาซึม
ที่ชอบอีกอย่างคือเพลงประกอบ ชื่อว่า Arrietty’s Song โดยเซซีล เป็นเพลงที่ดนตรีเพราะมาก ถูกนำไปแปลเป็นเพลงหลากหลายภาษา ดนตรีนุ่มลึก เหมือนถูกดูดเข้าไปในที่ใดที่หนึ่ง ตอนเราดูเรื่องนี้จบเราไปหาฟังแทบครบทุกภาษาเพราะหลงรักดนตรีเพลง
อนิเมะเรื่องนี้บอกเล่าถึงจินตนาการของใครหลายคน ทำความฝันว่าในโลกนี้มีคนตัวจิ๋วให้เป็นจริง เป็นภาพฝันที่สวยงาม จินตนาการที่มีการเคลื่อนไหว เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องในตระกูล GHIBLI ที่ชอบและรู้สึกรักตั้งแต่ครั้งแรกที่ดู
Arrietty (2012) ภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีตัวละครหลักเหมือนชื่อเรื่อง เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องจากฝีมือของ Ghibli Studio และเป็นเรื่องที่เราค่อนข้างชอบมากๆ ด้วยลักษณะการดำเนินเรื่อง เพลงประกอบ และความลงตัวหลายๆ อย่าง
Arrietty (2012) สร้างความตื่นตาตื่นใจให้คนดูเมื่อถ่ายทอดเรื่องราวของครอบครัวคนตัวจิ๋วที่แน่นอนว่ามีลูกสาวชื่อ “อาริเอตี้ ” เป็นครอบครัวคนตัวจิ๋วที่ยังหลงเหลืออีกไม่มากบนโลกนี้ที่มาอาศัยอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง กฎข้อสำคัญของคนตัวจิ๋วคือจะต้องไม่ให้มนุษย์พบเห็นเข้าเด็ดขาด แต่ทว่าด้วยความรักอิสระของอาริเอตี้ก็ทำให้ “โช” เด็กมนุษย์ผู้ชายที่เพิ่งย้ายมาใหม่พบเห็นเข้าจนได้
มองผิวเผินอาจดูเหมือนเป็นแค่เรื่องราวของเด็กมนุษย์กับคนตัวจิ๋ว แต่ Arrietty กลับบอกเล่าเรื่องราวได้ลึกซึ้งกว่านั้น คนตัวจิ๋วในเรื่องนั้นก็ไม่ต่างไปจากธรรมชาติบนโลกนี้ที่นับวันยิ่งมีน้อย ยิ่งลดลงด้วยฝีมือของมนุษย์ คนตัวจิ๋วในเรื่องนี้สำหรับเราแล้วนั้นก็เปรียบได้กับสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติที่ต้องพยายามดิ้นรนเอาตัวรอดจากฝีมือของมนุษย์ มนุษย์ที่ไม่เคยรู้จักคำว่าแบ่งปันและอยู่ร่วมกับธรรมชาติ ฉากหลายฉากที่ครอบครัวของอาริเอตี้ต้องหลบๆ ซ่อนๆ โดนจับ วิ่งหนีกันมันทำให้เรารู้สึกค่อนข้างสะเทือนใจไม่น้อยเลย
รีวิว The Secret World of Arrietty (2010)
ในวันที่สุขภาพดูจะไม่เป็นใจสักเท่าไหร่ แต่หัวใจมันร่ำร้องอยากออกไปดูหนังในโรงอย่างมากมาย ที่สุดก็เดินทางไปยังโรงหนังเก่าแก่ที่ยังคงราคาไว้ที่ 100 บาทอย่างมั่นคงอย่าง Lido เพื่อไปชมภาพยนตร์แอนิเมชั่นเรื่องที่รอคอย เคยได้ยินกันมั้ยครับ เรื่องนี้ ‘Arrietty’
ผลงานใหม่ล่าสุดในปี 2010 ของสตูดิโอดังแห่งแดนอาทิตย์อุทัย Studio Ghibli ที่ผมชื่นชอบมานาน และพยายามจะตามดูทุกเรื่อง โดยเฉพาะ เมื่อได้รู้ว่า มันมีฉายในโรงหนังอย่างเช่นเรื่องนี้…
ด้วยการไม่ขวนขวายหาข้อมูลอะไรมากนัก ได้ชมตัวอย่างมาบ้างพอเป็นกษัย พอถึงเวลา ก็เดินไปซื้อตั๋วแล้วเข้าโรงหนังอย่างไม่ต้องคิดอะไร คิดว่า จะมาดูหนังของจิบลิอย่างเดียว นั่นก็แบกความคาดหวังเข้ามาโรงหนังมากพอละ
แต่มนุษย์ทุกคนก็ไม่ได้โหดร้ายและชอบเบียดเบียนไปเสียหมด มนุษย์ที่ดีๆ ยังมีอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นคุณตาเจ้าของบ้านที่อุตส่าห์สั่งทำบ้านตุ๊กตาหวังให้พวกคนตัวจิ๋วมาอยู่หรือแม้แต่ โช เด็กผู้ชายที่เป็นโรคหัวใจจนร่างกายอ่อนแอ โชพยายามปกป้องอาริเอตี้และครอบครัวอย่างสุดความสามารถ
เขาแบ่งปันและยินดีที่จะอยู่ร่วมบ้านกับคนตัวจิ๋ว ก็เหมือนมนุษย์ที่ถึงแม้จะมีมากที่ทำลายธรรมชาติ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีมนุษย์อีกมากที่รักธรรมชาติและพร้อมจะปกป้องธรรมชาติเหมือนที่โชทำ
Arrietty หลอมรวมความเป็นแฟนตาซีกับความเป็นจริงได้ละมุนละไม หากให้นึกภาพความรู้สึกตัวเองตอนดูหนังเรื่องนี้ก็คงต้องบอกว่ารู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในบ้านตุ๊กตาที่ทำอย่างประณีต หอมกลิ่นชามิ้นท์อ่อนๆ เป็นความรู้สึกที่ทำให้อบอุ่นและใกล้ชิดกับธรรมชาติขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ
ความรู้สึกหลังดู
เรื่องราวของครอบครัวมนุษย์ตัวจิ๋ว ที่เชื่อว่าพวกตนคือกลุ่มสุดท้ายที่ยังเหลือบนโลก และมองว่ามนุษย์คือผู้ร้ายกาจ พวกเขาต้องอำพรางตัวจากสายตาของมนุษย์ แต่ก็ยังต้องอาศัยมนุษย์ในบางสิ่งที่ถูกเรียกว่าเป็นการ “หยิบยืม” พวกเขาอันประกอบไปด้วย พ่อ แม่ และลูกสาววัย 14 ปี อาศัยอยู่ใต้ชายคาของบ้านหลังหนึ่ง วันใดที่ของ “หยิบยืม” มานั้นหมดลง พวกเขาก็จะเข้ามา “หยิบยืม” มันเพิ่มในช่วงเวลาที่มนุษย์หลับใหลอยู่
แต่มนุษย์อาจไม่ได้มองว่า สิ่งที่พวกเขากระทำอยู่นั้นเป็นเพียงการหยิบยืมน่ะสิ
โช เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ย้ายเข้ามาที่บ้านเป็นการชั่วคราว ด้วยอาการป่วยที่รอวันไปผ่าตัดใหญ่ และได้พบกับ อาริเอตี้ มนุษย์ตัวจิ๋วนี่เข้าเพียงในวันแรกที่มาถึง
ความดีที่อยู่ในใจของเขา ความสัมพันธ์ที่น่ารักกินใจ อันอบอวลด้วยภาพสวยสดงดงามของธรรมชาติสีเขียวขจี จะก่อเกิดในอะนิเมะเรื่องนี้
ข้อมูลจากใบปิดหนังที่หยิบมาจากโรงหนังบอกไว้เช่นนั้น ยิ่งเมื่อได้ดูก็ยิ่งรู้สึกว่า มันสมควรจะเป็นเช่นนั้น กำกับโดย Hiromasa Yonebayashi ผู้ก้าวขึ้นมานั่งกำกับอะนิเมะครั้งแรก แต่ก็ผ่านงานในทางแอนิเมชั่นแล้วมากมาย เคยเป็น Key Animator ใน ‘Ponyo’ และ ‘Howl’s Moving Castle’ เคยเป็น Animator ใน ‘Spirited Away’ ส่วนในเรื่องนี้ เขายังควบตำแหน่งทำสตอรี่บอร์ดอีกต่างหาก
แม้ว่า ลุงมิยาซากิ Hayao Miyazaki จะไม่ได้ลงมือมากำกับฯ แต่ก็ช่วยเขียนบทร่วมกับ Keiko Niwa เลยนะ
ด้วยความกลัวมนุษย์ตัวโตในใจของคนตัวจิ๋ว พวกเขาเลือกที่หลบหนีเพื่อความอยู่รอดของตนเอง โช เขาอาจจะไม่ได้มองว่านั่นคือการ “ขโมย” หากมองว่าเป็นการ “แบ่งปัน” เขาจึงไม่เคยตั้งข้อรังเกียจต่อมนุษย์ตัวจิ๋วเหล่านั้น หากแต่มนุษย์บางตนก็ไม่ได้ชอบในข้อนี้สักเท่าไหร่ แถมยังเลือกที่จะกำจัดหรือแก้แค้นเสียด้วยซ้ำ สารที่ออกมาอาจจะคล้ายๆ กับพล็อตของหนังหลายเรื่อง ที่มองว่า แม้ว่า มนุษย์จะเป็นเผ่าพันธุ์ที่เลวร้าย แต่ก็มีความรักความเมตตาอยู่ในเผ่าพันธุ์นี้ด้วยเช่นกัน
นี่คือ หนังที่สร้างเสริมจากจินตนาการของ ‘The Borrowers’ ของ Mary Norton ในสายตาและมุมมองแบบคนญี่ปุ่น แง่มุมของธรรมชาติที่สวยงาม เขียวขจี ดูทีไรก็มีความสุข เมื่อเข้ากับความสัมพันธ์ของคนสองเผ่าพันธุ์ มันก็ยิ่งงดงามกันเข้าไปใหญ่ ดูแล้วไม่อิ่มสุข จะเป็นไปได้อย่างไร
หนังยังเลือกที่จะพูดถึง การสูญสลายของเผ่าที่น่ารักน่าเอ็นดูบนโลกใบนี้ ที่หลายครั้ง เหตุของมันก็มาจากมนุษย์ผู้ประเสริฐอย่าง “เราๆ” นี่เอง
ชื่อภาพยนตร์ : Arrietty / อาริเอตี้ มหัศจรรย์ความลับคนตัวจิ๋ว / Kari-gurashi no Arietti / 借りぐらしのアリエッティ
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Hiromasa Yonebayashi
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Mary Norton (novel “The Borrowers”), Hayao Miyazaki (screenplay), Keiko Niwa (screenplay)
นักแสดงนำ(นักพากย์) : Mirai Shida, Ryûnosuke Kamiki, Shinobu Ohtake, Keiko Takeshita, Tatsuya Fujiwara, Tomokazu Miura, Kirin Kiki
แนว/ประเภท : Animation, Fantasy
เรท :
ความยาว : 94 นาที
สัญชาติ : ญี่ปุ่น
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Studio Ghibli, Toho Company
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 23 มิถุนายน 2554