รีวิว The Tale of the Princess Kaguya

The Tale of Princess Kaguya (2013) ตำนานเจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ เรื่องราวชีวิตของคางุยะที่ถูกกำหนดโดยผู้อื่น ภาพยนตร์ที่บอกเล่าถึงความต้องการสูงสุดของมนุษย์และกิเลสด้วยศิลปะด้านภาพที่ตรึงตา

ใครเคยรู้จักตำนานเจ้าหญิงคางุยะบ้างมั้ยคะ คิดว่าหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินตำนานเด็กสาวที่ออกมาจากกอไผ่ ภาพยนตร์จากค่ายจิบลิเรื่องนี้จะนำตำนานนี้มาขยี้ให้ลึกซึ้งมากขึ้น ทัชใจคนดูอย่างเรามากขึ้นค่ะ

The tale of the princess kaguya เอาตำนานมาเล่าเป๊ะๆ เลยค่ะ ตั้งแต่เริ่มต้นยันจบ เอาเป็นว่าในด้านเนื้อหานั้นตำนานเจ้าหญิงกอไผ่ก็ทำเราร้องไห้ทุกครั้งที่ได้ฟังอยู่แล้ว พอมาดูเป็นหนังแบบนี้ก็ยิ่งน้ำตาแตกดราม่าเข้าไปใหญ่

สิ่งดีงามนอกเหนือจากเนื้อเรื่องก็คืองานภาพของอนิเมชั่นเรื่องนี้ เราชอบลายเส้นนี้มากๆ เหมือนเอาสีน้ำมาสะบัดๆ ให้กลายเป็นภาพขึ้นมาซักภาพนึง แต่ความรู้สึกที่ได้จากภาพง่ายๆ พวกนี้มันกลับทำให้เราอมยิ้ม อุ่นใจเบาสบายมากๆ โดยเฉพาะซีนที่ค่อนข้าง fantasy คือด้วยอารมณ์ตอนนั้น เรารู้สึกเหมือนตัวเองหลุดออกไปอีกโลกนึงเลย

รีวิวอนิเมะ

รีวิว The Tale of the Princess Kaguya

ด้วยงานภาพที่สวยงามจนไม่อยากละสายตาไปไหน ทำให้พอมารวมกับความธรรมชาติ และชีวิตของเจ้าหญิงในเมืองหลวง เราเห็นถึงความสวยงามของวิถีชีวิตทั้งสองแบบที่ contrast กันมากๆ แต่ก็ยังผูกกันไว้ด้วยความงามของภาพที่สื่อออกมา เราเห็นความหุบเขา ต้นไม้ ดอกไม้ แมลง บ้านไม้ การละเล่นของเด็กๆ ผ่านลายเส้นสวยๆ แล้วพอเปลี่ยนไปเป็นซีนเมืองหลวง เราก็ไดเห็นความงามของคฤหาสน์ เครื่องแต่งกาย เครื่องสำอางคนของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน ซึ่งมันคืออิ่มตาอิ่มใจมาก แค่เข้าไปเสพภาพก็ชนะขาดแล้วสำหรับเจ้าหญิงคางุยะของเรา

นอกจากงานภาพ งานเสียงก็เอาเรื่องเลยล่ะ อย่างที่บอกว่าเราจะได้เห็นวิถีชีวิตชาวญี่ปุ่นโบราณ ซาวด์บางอย่างก็ทำให้เราตื่นเต้นเล่นๆ ทีมงานคือประณีตจัดเต็มมากๆ เสียงวิ่งบนพื้นไม้เอย เสียงแมลงเอย เสียงเครื่องดนตรีของเจ้าหญิงเอย คือมันสุดจริงๆ

หนังเล่าเรื่องราวของเจ้าหญิงออกมาได้อย่างน่ารักน่าชัง พอเธอยิ้ม หัวเราะ เราก็อยากจะยิ้มตาม แต่พอเจอเรื่องบีบใจ เราก็ปวดใจตามเธอ เราสัมผัสความรู้สึกของเจ้าหญิงได้ ยิ่งเวลาผ่านไปเราก็อึดอัดใจไปกับเจ้าหญิงมากขึ้นเรื่อยๆ พอถึงจุดที่เธอระเบิดออกมาเราเองก็ระเบิดตาม คือเราผูกพันกับชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมากๆ แม้จะผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมงก็ตาม

รีวิว The Tale of the Princess Kaguya

The Tale of Princess Kaguya (2013) เรื่องราวเริ่มต้นจากชายชราขายไผ่ที่พบเด็กผู้หญิงตัวเท่าฝ่ามืออยู่ในหน่อไม้ เขาคิดว่าเด็กหญิงคือเจ้าหญิงและเป็นของขวัญที่สวรรค์ส่งมาให้ ทันใดนั้นเองเด็กหญิงก็ได้กลายเป็นเด็กทารกและเติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อชายขายไผ่เข้าป่าไผ่อีกครั้งเขาก็ได้เสื้อผ้าอาภรที่สวยงามพร้อมกับทองคำจำนวนมากจากปล้องไผ่ ทำให้เขาคิดว่าควรสร้างฐานะและพาคางุยะเข้าไปอยู่ในเมืองให้สมกับการเป็นเจ้าหญิงให้สมกับสิ่งที่สวรรค์ต้องการโดยหารู้เลยว่าคางุยะจะต้องพบเจอกับความเจ็บปวดใจ

The Tale of Princess Kaguya (2013) อนิเมะจากสตูดิโอจิบลิ (Studio Ghibli) ที่ถูกดัดแปลงจากตำนานพื้นบ้านของประเทศญี่ปุ่นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งฉบับอนิเมะนั้นก็ดำเนินเรื่องราวและมีโครงเรื่องตามตำนาน ส่วนที่แตกต่างก็คงเป็นตัวละครและเนื้อเรื่องบางส่วนที่เสริมเข้ามา

สารของหนังจริงๆ มันเยอะอยู่เหมือนกัน ทั้งในแง่ของความเป็นใหญ่ของผู้ชาย อำนาจ เงินทอง อะไรมากมายที่เอามาเล่าแนบไปกับเรื่องอย่างเรียบเรียน แต่ก็พอจะจึ้กใจคนดูอย่างเราอยู่บ้าง

พอมาตอนจบ ขนาดคนที่รู้ตำนานอยู่แล้วก็ยังอดน้ำตาซึมไม่ได้ ด้วยความที่อารมณ์มันโดนบิ้วมาเรื่อยๆ ด้วยจากตอนแรกที่เรายังยิ้มให้กับความร่ารักของเจ้าหญิง พอเธอโตขึ้นก็เริ่มเจออะไรมากขึ้น จนถึงตอนจบที่มันตู้มอารมณ์เข้ามาเต็มๆ แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็ยังคงคีพความงามไว้อยู่ มันเลยเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่งดงามจริงๆ

รีวิว The Tale of the Princess Kaguya

รีวิว The Tale of the Princess Kaguya

The Tale of Princess Kaguya (2013) เป็นอนิเมะที่ถึงแม้จะเก่าแล้วแต่ในเรื่องของงานภาพไม่ได้เก่าตาม โยงานภาพจะแตกต่างจากอนิเมะเรื่องอื่นของทางสตูดิโอ เพราะในเรื่องนี้ใช้เทคนิคสีน้ำ ซึ่งทำให้ภาพดูละมุนและน่าค้นหามากขึ้น หลังจากดูจบก็พบว่ามีความรู้สึกที่หลากหลายปนกัน ทั้งความสงสัยในสัญลักษณ์ที่ปลายเปิดสามารถคิดและเชื่อมโยงไปทางไหนก็ได้ รวมไปถึงตอนจบที่ทำให้รู้สึกสับสนกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” กับ “เป้าหมายชีวิต” ที่ผู้คนบนโลกทุ่มเทพยายามอย่างหนักในการไขว่คว้าและค้นหาเพื่อที่จะมีและบรรลุในสิ่งเหล่านี้

ในส่วนของงานภาพและดนตรีประกอบ มองว่าทำออกมาได้ดี ทั้งภาพและลายเส้นที่ดูเรียบง่าย สีที่ทำให้มู้ดและโทนสามารถสื่อถึงเรื่องราว อารมณ์และความรู้สึกได้ดี เพลงประกอบที่ฟังแล้วสบายใจและมีความลุ่มลึกตามแบบฉบับของอนิเมะ

ช่วงแรกของอนิเมะจะเป็นการปูเรื่องราวเกี่ยวกับตัวตนจริง ๆ ของคางุยะและครอบครัวที่เลี้ยงเธอมา จากนั้นเมื่อชายชราได้ทองจำนวนมากจากต้นไผ่ เขาจึงนำทองเหล่านั้นไปขายและตั้งใจจะพาตัวคางุยะไปในเมืองเพื่อที่จะทำให้เธอใช้ชีวิตสมกับเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์ ซึ่งคางุยะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง เช่น ระเบียบที่เคร่งครัดทั้งในเรื่องของการอบรมมารยาท การแต่งตัวและการใช้ชีวิต

แม้เธอจะรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งของสวยงามและบ้านหลังใหญ่ในช่วงแรก แต่ต่อมาเธอก็ค้นพบว่าเธอไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย สระน้ำหน้าบ้านก็ลงไปว่ายเล่นไม่ได้ แม้แต่จะวิ่งในบ้านก็ยังทำไม่ได้ เธอทำหลาย ๆ สิ่งที่เธอต้องการทำไม่ได้ ไม่เหมือนกับตอนที่เธออยู่ในป่าเขา ที่นั่นเธอจะรู้สึกเป็นตัวเองและมีความสุขมากกว่านี้ มีฉากหนึ่งที่คางุยะมองไปยังนกที่เกาะบนต้นไม้ ในขณะนั้นเธอเองก็คงคิดว่า “เป็นนกนี่มีอิสระดีจังเลย”

“ หมุน หมุน หมุนวนไป กังหัน หมุนวนไป แล้วเรียกท่านพระอาทิตย์ หมุนวนไป แล้วเรียกท่านพระอาทิตย์ นำพาฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว ผลัดเวียนกันไป หมุนวนไป หมุนเวียนมา หมุนเวียนมา เรียกคืนใจฉัน หมุนเวียนมา เรียกคืนใจฉัน นกน้อย แมลง สัตว์น้อยใหญ่ ใบหญ้า ต้นไม้ ดอกไม้ สอนข้าว่าควรรู้สึกเช่นไร หากข้าได้ยินเจ้าคร่ำครวญหาข้า ข้าจะหวนคืนสู่เจ้า”

รีวิวอนิเมะออนไลน์

ความรู้สึกหลังดู

ในฉากที่เพื่อน ๆ และคางุยะได้ร้องเพลงพื้นบ้านอย่างมีความสุขในขณะที่เดินทางไปยังหมู่บ้านของซูเตมารุ คางุยะก็ได้ร้องท่อนที่แตกต่างจากเพลงที่เพื่อน ๆ ร้องออกมา จากนั้นเธอก็เหม่อมองไปข้างหน้าและร้องไห้ออกมา ตรงจุดนี้อาจคาดคะเนได้ว่าเธอกำลังระลึกถึง “บ้านเกิด” ของเธอจริง ๆ ที่ที่เธอจากมา โดยที่เธอเองก็ระลึกถึงโดยไม่รู้ตัว ดังบทสนทนาระหว่างเธอกับซูเตมารุ

“เป็นอะไรเหรอ” ซูเตมารุถามคางุยะ

“ข้าก็ไม่รู้” คางุยะตอบ

“หากข้าได้ยินเจ้าคร่ำครวญหาข้า ข้าจะหวนคืนสู่เจ้า”

เนื้อร้องส่วนนี้อาจสื่อความได้ว่าคางุยะจะกลับไปบ้านเกิดเมื่อเธอรู้ว่าเธอมาจากที่ใด

ตั้งแต่ต้นพ่อและแม่จะเรียกคางุยะว่าฮิเมะซึ่งแปลว่าเจ้าหญิงในภาษาญี่ปุ่น โดยชื่อคางุยะได้ถูกตั้งขึ้นมาภายหลังโดย คางุยะ แปลว่า แสงอันเรืองรอง และการตั้งชื่อนี้เองก็เป็นจุดเริ่มต้นของความ

เจ็บปวดของคางุยะ

“นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองที่ข้าได้รับชื่อใหม่จริงเหรอ แต่ทำไม ข้าได้แต่นั่งอยู่เฉย ๆ ”

ในช่วงกลางเรื่องพ่อของเธอก็ได้จัดพิธีฉลองชื่อที่ยิ่งใหญ่ เขาเชิญแขกมามากมาย ทั้ง ๆ ที่เป็นงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นให้คางุยะ แต่เธอกลับทำได้เพียงนั่งอยู่เฉย ๆ ท่ามกลางแขกมากมายที่ดื่มและกินกันอย่างสนุกสนาน งานได้ดำเนินไปถึงสามวันสามคืน จากนั้นแขกที่มาร่วมงานก็ขอพบหน้าคางุยะ พ่อของเธอจึงบอกว่ามันผิดธรรมเนียม แขกก็เลยพูดว่า ธรรมเนียมมีไว้สำหรับเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์จริง ๆ แต่เธอไม่ใช่ อีกทั้งหน้าจาอาจจะขี้เหร่ก็ได้ อาจจะไม่ได้สวยเหมือนอย่างที่ร่ำลือกัน เมื่อคางุยะได้ฟังคำดูถูกเหล่านั้นเธอก็รู้สึกเจ็บปวด เธอจึงวิ่งหนีกลับป่าที่เป็นบ้านเกิดของเธอ ซึ่งฉากนี้สามารถสื่อถึงความเจ็บปวดในการเติบโตขึ้นได้เป็นอย่างดี เพราะเมื่อเราเติบโตเราก็ต่างมีภารกิจและหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ ต้องเผชิญกับเรื่องราวที่ไม่เป็นไปตามที่หวัง

“เมื่อป่าไม่ได้อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม”

ในฉากที่คางุยะวิ่งหนีกลับบ้านเกิด เธอก็พบว่าป่าที่นี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ต้นไม้หายไป สภาพป่าดูแห้งแล้ง เมื่อเธอถามถึงชาวบ้านกับชายก่อฟืน เขาก็บอกว่าชาวบ้านที่เคยอยู่ในหมู่บ้านได้อพยพเดินทางไปที่อื่น เพราะพวกเขาตัดไม้จนทำให้ภูเขาโล่ง ธรรมชาติไม่ได้อุดมสมบูรณ์เหมือนเดิม และพวกเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกจนกว่าจะครบสิบปีเพื่อให้ป่าได้ฟื้นตัว ซึ่งฉากนี้เป็นการสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับเรื่องอนุรักษ์ธรรมชาติ เมื่อคางุยะไม่ได้พบกับสิ่งที่เธอหวัง เธอก็เติบโตขึ้นและเผชิญหน้ากับความจริงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ความจริงที่ว่าก็คือการที่เธอต้องตั้งใจเรียนการเป็นกุลสตรีที่ดี การประพฤติตัวให้เหมาะสมกับการเป็นเจ้าหญิงที่สูงศักดิ์และทำทุกสิ่งที่เธอต่อต้านในตอนแรก ซึ่งเธอทำเพราะเป็นหน้าที่ไม่ใช่ด้วยความเต็มใจ เธอจึงมีบุคลิกที่ซึมเศร้า ดูเป็นทุกข์และเงียบขรึมกว่าเดิม

“เจ้าหญิงต้องแต่งงานกับชายหนุ่มที่คู่ควรโดยเร็วที่สุด เพียงแค่นั้นก็มีความสุขแล้ว”

พี่เลี้ยงพูดกับคางุยะราวกับว่าการแต่งงานคือหน้าที่อย่างหนึ่ง ทั้ง ๆ ที่เจ้าหญิงก็สามารถทำทุกอย่างที่เธอต้องการได้เช่นเดียวกับผู้ชาย แต่ด้วยกรอบและสิ่งที่เป็นอยู่จึงทำให้ทุกคนตั้งความหวังกับเธอและคิดว่าเธอจะเป็นไปตามครรลองของสังคม

ดูอนิเมะออนไลน์

ดูเหมือนอะนิเมะเรื่องนี้จะมีอะไรหลายๆ อย่างที่บอกเล่าให้เรารู้ แต่ก็มีสาส์นบางอย่างที่หนักแน่นพอจะไม่ทำให้เรื่องเขวไปทางไหนได้ เจ้าหญิงคางุยะ ตัวเธอเองก็อาจรับไม่ได้กับ “ความปลอม” ของสถานะเจ้าหญิงของตน แม้หน้าตาสดสวยจะเป็นของจริง ความปลอมมักดึงดูดสิ่งปลอมๆ ให้เข้ามาหา เพราะว่าคนใส่ใจสนใจในสิ่งปลอมๆ อันเป็นเปลือกนอกเหล่านั้น หากแต่ความรู้สึกนี่สิ มันคงจะเป็น “ความจริง” นอกจากนี้ เธอยังมี “ความปลอม” ในลักษณะอย่างอื่นอยู่ด้วยและมันก็ได้ถูกนำมาเฉลยในตอนจบ

ช่วงท้ายของหนังเล่าเรื่องได้เศร้าซึมกินใจคนดูยิ่งนัก แต่ก็ต้องเป็นคนดูที่รู้จักตำนานนี้มาพอสมควร อาจทำให้คุณถึงกับน้ำตาไหลรินได้เลยทีเดียว แต่ผมพบว่า บางส่วนยังเล่าแล้วดูแปลกๆ อยู่ แม้ภาพจะสดสวยเพียงใดก็ตาม

ชื่อภาพยนตร์: The Tales of Princess Kaguya / เจ้าหญิงกระบอกไม้ไผ่ / Kaguyahime no monogatari
ผู้กำกับภาพยนตร์: Isao Takahata
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Isao Takahata (story), Isao Takahata (screenplay), Riko Sakaguchi (screenplay), Mike Jones (english version)
นักแสดงนำ(พากย์อังกฤษ): Chloë Grace Moretz, James Caan, Mary Steenburgen
นักแสดงนำ(พากย์ญี่ปุ่น): อากิ อาซากุระ, อิซาโอะ ฮาชิซูเมะ, ทาคายะ คามิกาวะ, โทโมโกะ ทาบาตะ
แนว/ประเภท: Animation, Drama, Fantasy
ความยาว: 137 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG
สัดส่วนภาพ: 1.85 : 1
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 26 ตุลาคม 2557 ในเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพ ครั้งที่ 12
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 25 ธันวาคม 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Studio Ghibli

รีวิวการ์ตูนอนิเมะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *