รีวิว The Wind Rises
ภาพยนตร์อนิเมชั่นทิ้งทวนของฮายาโอะ มิยาซากิ ผู้ก่อตั้งสตูดิโอจิบลิ The Wind Rise บอกเล่าเรื่องราวในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยอิงเรื่องราวมาจากอัตชีวประวัติของ “จิโร่ โฮริโกชิ” ผู้ซึ่งเป็นทั้งต้นแบบและเป็นตัวละครหลักของเรื่องนี้ด้วย จิโร่มีความใฝ่ฝันที่อยากจะเป็นนักบิน แต่ด้วยปัญหาทางสายตาจึงทำให้เขาไม่สามารถเป็นนักบินได้ จิโร่จึงหันไปมุ่งมั่นในการเป็นวิศวกรการบินแทน
The Wind Rise เป็นภาพยนตร์ที่โดยส่วนตัวรู้สึกได้ถึงความแตกต่างออกไปจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ในสตูดิโอจิบลิ อาจเป็นเพราะการดำเนินเรื่องโดยผ่านพ้นช่วงวัยเยาว์มารวดเร็ว เน้นไปที่ความพยายามในการฝ่าฝันอุปสรรคของตัวละครหลักอย่างจิโร่ โทนเรื่องจึงค่อนข้างหม่น ไม่ได้สว่างสดใสเหมือนเรื่องอื่นๆ ที่มีเด็กเป็นผู้ดำเนินเรื่องหลัก และเพราะฉากหลังของเรื่องคือยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่กำลังจะปะทุ การเล่าเรื่องของ The Wind Rise จึงเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เป็นผู้ใหญ่ พูดถึงเรื่องการใช้ชีวิต การต่อสู้กับอุปสรรค และความรักในแบบผู้ใหญ่ที่แสนเศร้า
The Wind Rise สามารถแบ่งเรื่องราวของจิโร่ออกได้เป็น 2 ส่วนหลักๆ ก็คือด้านการทำงานและด้านความรัก แต่เรื่องราวทั้งหมดนั้นล้วนสามารถสรุปได้ในประโยคเดียวคือ “เพราะลมแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม” ในด้านการทำงานนั้น เราจะเห็นกันตั้งแต่เริ่มเรื่องว่าจิโร่มีความฝันที่อยากจะเป็นนักบิน แต่เมื่อมีปัญหาด้านสายตา เขาจึงหันไปทุ่มเทให้กับการสร้างเครื่องบินแทน แต่การสร้างเครื่องบินก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
จิโร่ต้องพบกับความผิดหวังหลายครั้งหลายครา พบกับข้อจำกัดมากมาย พบกับเจตนารมณ์ที่ไม่เป็นจริง การสร้างเครื่องบินสำหรับจิโร่คือการสร้างสรรค์สิ่งสวยงาม ไม่ได้ต้องการให้กลายเป็นอาวุธสงครามในการรบ เพราะแม้เครื่องบินจะโผบินไปได้ไกล แต่เมื่อใช้ในการสงครามมันไม่เคยกลับมาสักลำ ทั้งเรื่องความรัก แม้จะมีความรักที่สวยงามกับ “นาโฮโกะ ซาโตมิ” แต่ก็กลายเป็นความรักที่มีขีดจำกัดเพราะร่างกายที่อ่อนแอจากการป่วยเป็นวัณโรคของนาโฮโกะ
แม้จะพยายามประคับประคองความรักอันแสนบอบบางนี้แต่สุดท้ายความรักก็สลายกลายเป็นสายลมในที่สุด แต่ไม่ว่าจะชอกช้ำเพียงใดสิ่งที่จิโร่ต้องทำก็คือการยืนหยัดท้าแรงลมที่โหมกระหน่ำเข้ามาในชีวิตดุจดั่งเครื่องบินที่ตนเป็นผู้สร้าง เครื่องบินที่ต้องโผทะยานขึ้นไปบนฟ้าต้านกระแสลมอย่างมั่นคง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องมีสายลมที่อ่อนโยนคอยหล่อเลี้ยงให้ล่องไปในฟ้าได้อย่างเสรีตลอดไป
“ความฝันปลดล็อกอนาคต” หนึ่งในประโยคเด็ดกินใจของภาพยนตร์อนิเมชั่นจากค่ายสตูดิโอจิบลิเรื่อง The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก หรือในชื่อภาษาญี่ปุ่น Kaze Tachinu เป็นผลงานอนิเมชั่นภาพสวยเพลงเพราะเนื้อหากินใจผู้คนไปทั่วทุกมุมโลก กำกับโดย Hayao Miyazaki ผู้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าอนิเมชั่นเรื่องนี้จะเป็นเรื่องสุดท้ายของเค้า และยังเป็นเรื่องแรกและเรื่องเดียวที่ทำให้เค้าเสียน้ำตาในวันแถลงข่าวเปิดตัวเรื่องนี้ในปี 2013 ที่ผ่านมาค่ะ
สำหรับผู้เขียนหนึ่งในทีมงาน marumura ได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะชื่นชอบการ์ตูนค่ายนี้มานานและติดตามมาโดยตลอด พอรู้ว่า ผู้กำกับคนโปรดจะวางมือจากค่ายนี้ ก็ใจหายอยู่พอตัว แต่ทั้งชีวิตของคนๆ นี้ก็มีแต่อนิเมชั่นและเค้าก็แสดงให้เห็นผลงานที่ยอดเยี่ยมอยู่เสมอ ยังไงก็จะรอชมผลงานด้านอื่นๆ ของอาจารย์ต่อไปค่ะ
สำหรับ The Wind Rises: ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก เป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ผู้กำกับมิยาซากิ สร้างโดยดัดแปลงมาจากชีวิตของวิศกรผู้ออกแบบเครื่องบินชื่อว่า Jiro Horikoshi เครื่องบินที่เค้าออกแบบถูกนำไปที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ค่ะ
ขอเล่าเรื่องคร่าวๆ นะคะ แต่อนิเมชั่นค่ายนี้ถึงจะสปอยมากแค่ไหนก็ยังดูสนุกอยู่ดีนั้นแหละค่ะ Jiro Horikoshi เด็กชายสายตาสั้น จิตใจดี ผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในเครื่องบิน ในฝันและจินตนาการของเค้ามักจะมีไอดอลนักออกแบบเครื่องบินชาวอิตาลีอย่าง Caproni คอยให้คำแนะนำและเป็นเพื่อนช่วยเติมเต็มฝันของเค้าอยู่เสมอ เช่น จิโร่นั้นขับเครื่องบินไม่ได้เพราะสายตาสั้น เค้าจึงแนะนำให้สร้างมันขึ้นมาเองในแบบฉบับของตัวเอง จิโร่มุ่งหน้าสู่ฝันของเค้าตั้งแต่นั้นมา แม้กระทั้งยามกิน ก้างของปลาแมคเคอเรล ก็คือสะพานสู่ฝันของเค้าด้วยเช่น
รีวิว The Wind Rises
จิโร่มีเพื่อนสนิทที่ชื่อว่า ฮนโจ คู่หูที่เดินทางไปพร้อมกัน และคนรอบข้างที่คอยสนับสนุนให้ฝันของเค้าเป็นจริงค่ะ แน่นอนว่าฝันของเค้านั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ อุปสรรคทางความคิด ความปลอดภัยในชีวิต โรคร้ายที่พลัดพรากดวงใจของเค้าไป และภัยธรรมชาติที่ต้องผ่านมันไปให้ได้
คาโปนี่กล่าวว่า เครื่องบินนั้นเป็นสิ่งที่สวยงามแต่ต้องคำสาป จิโร่เพียงแต่วิ่งตามความฝัน แต่ความฝันของเค้าดันถูกมองว่าเป็นเรื่องเลวร้าย แต่ไม่ว่าชีวิตจะเรื่องเลวร้ายซักเพียงใด มีประโยคเด็ดในเรื่องที่มักเน้นย้ำคำนี้จนคนดูต้องจำขึ้นใจได้อย่างแน่นอนค่ะ
“เพราะลมแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม”
กล่าวโดย Paul Valéry นักปรัชญาชาวฝรั่งเศส
ชีวิตของจิโร่ วิ่งตามความฝันมาตลอดชีวิต เหมือนกับผู้กำกับมิยาซากิ และอีกหลายๆ คนที่กำลังวิ่งตามความฝันของตัวเองด้วยเช่นกัน คนเรามีแรงเต็มที่กับความฝันได้แค่ 10 ปีเท่านั้น หวังว่าภาพยนตร์อนิเมชั่นเรื่องนี้จะเต็มเต็มแรงบันดาลใจให้กับทุกคนไม่มากก็น้อยนะคะ
มีรายละเอียดในส่วนฉากที่ผู้เขียนชอบก็คือฉากแผ่นดิวไหวตอนเมืองไฟไหม้ผู้คน แอดอัดยัดเยียดมันดูอัดอัดสมจริงสมจังมากค่ะ อนิเมชั่นที่ร่างภาพด้วยมือมันให้ความรู้สึกพลิ้วไหวและสวยงามอยู่เสมอเลยนะ คะ จริงๆ ถ้านึกให้ดี อนิเมะของจิบลิมักจะมีเครื่องบินมาเกี่ยวข้องด้วยหลายเรื่องเลยนะคะ เช่น Porco Rosso, Kiki’s Delivery Service เป็นต้น
เรื่องราวของชายหนุ่มผู้มีความฝันเกี่ยวกับการสร้างเครื่องบินมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย จนเมื่อเติบโตขึ้น เขาก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างเครื่องบินจนได้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เขาฝันมาตลอดนักก็ตาม
เริ่มต้นมา เราก็ได้ทำความรู้จักกับ จิโร เด็กน้อยสายตาสั้นผู้มีความฝันถึงเครื่องบินมาตลอด ไม่ว่าจะในยามนอนหลับ หรือแม้แต่ในยามตื่น ความฝันและความจริงซ้อนทับกันอยู่เสมอ การเล่าเรื่องในช่วงต้นทำให้เรารู้สึกเช่นนั้น ความชื่นชมของเขาที่มีต่อฮีโร่ประจำใจ คาโปรนี วิศวกรเครื่องบินชาวอิตาลีผู้มีชื่อเสียง ทำให้ความฝันของเขามีผู้ชายคนนี้ร่วมอยู่ด้วย
เพราะความฝันของคาโปรนีก็คือความฝันเดียวกันกับจิโร ทั้งสองคนจึงเหมือนกำลังแชร์ความฝันซึ่งกันและกันอยู่ และเพราะคาโปรนี จิโรจึงอยากจะเป็นวิศวกรเครื่องบินในอนาคต
ความรู้สึกหลังดู
หนังถูกตัดสลับด้วยเรื่องราวการพบเจอกันของจิโร่กับนาโฮโกะ สาวน้อยที่เจอกันบนรถไฟ ก่อนที่ทั้งสองพลัดพรากจากกันโดยไม่ได้รู้จักชื่อหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนั้น ก่อนคนดูจะถูกสายลมพัดให้หลงลืมมันไป และหันไปสนใจชีวิตที่เดินตามความฝันของเขาอีกครั้ง ในที่สุด เขาก็ได้ทำงานในบริษัทผลิตเครื่องบิน เพียงแต่เครื่องบินที่เขาร่วมออกแบบนั้น มันเป็นเครื่องบินรบ!
และก่อนที่สายลมจะพัดพาให้เขาได้กลับมาเจอเธอคนนั้น…อีกครั้ง
สิ่งที่ยังมีไม่เปลี่ยนแปลงเลยสำหรับอะนิเมะจากสตูดิโอแห่งนี้ คือ ความละเอียดละออของงานภาพนอกเหนือจากสีสันที่สวยสดและมุมมองภาพที่เหลือเชื่อว่าวาดด้วยมือคน
ผลงานแอนิเมชั่นเรื่องสุดท้ายก่อนวางมือของ Hayao Miyazaki แห่ง Studio Ghibli ที่สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้ขึ้นอันดับหนึ่งในญี่ปุ่นนานถึง 8 สัปดาห์ แถมยังได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ปีล่าสุดเรื่องนี้ มีฉากที่สวยงามอยู่มากมาย แต่ฉากที่หลายคนต้องจดจำคงเป็นฉากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในญี่ปุ่นที่ทำออกมาได้น่าสะพรึงอย่างมาก อีกจุดหนึ่ง คือ เสียงประกอบของเครื่องบินและแผ่นดินไหวบางส่วนน่าจะสร้างขึ้นมาจากเสียงของมนุษย์ เป็นความสร้างสรรค์สุดบรรเจิดจริงๆ สิให้ตายเถอะ
“มีใครเคยเห็นสายลมบ้างไหม ทั้งคุณและผมคงไม่เคยเห็นหรอก แต่เมื่อเวลาที่ใบไม้สั่นไหว ก็เพราะมีลมนั่นไงกำลังพัดผ่านอยู่”
เรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากความฝันและชีวิตการต่อสู้ของ จิโร โฮริโกชิ ผู้ที่ออกแบบเครื่องบินรบ Zero Fighter ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 ครึ่งแรกของหนังจะมีความเป็นแฟนตาซีอยู่สูง ส่วนครึ่งหลังก็โรแมนติกมากเช่นกัน
เมื่อเขาเดินทางชีวิตมาถึงจุดที่ “ต้องเลือก” ระหว่าง 2 สิ่งที่สำคัญเท่าเทียมกัน เขาจะเลือกมันอย่างไร การดำเนินเรื่องที่เนิบช้าเรียบเรื่อยจนรู้สึกว่าคงแต่แฟนจิบลิที่จะรับได้ ความใฝ่ฝันคลั่งไคล้ในเครื่องบิน กับโศกนาฎกรรมความรัก แม้จะมีชื่อที่มาจากคนจริง แต่ก็ยังรู้สึกว่า ‘ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก’ ดูจะเชื่อมโยงกับชีวิตของคุณปู่มิยาซากิอยู่พอสมควร ขณะที่เพลงประกอบก็ชวนให้นึกถึงหนังหลายๆ เรื่องของคุณปู่มิยาซากิ
นั่งดูจนเพลงปิดท้ายจบเลย เพลง “Hikoki Gumo” เพลงนั้นเป็นเพลงเก่าอายุ 40 ปีของ Yumi Matsutoya ซึ่งเพราะมากทีเดียว
ไม่ว่าจิโรจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมายเท่าใด ทั้งในแง่มุมของการงาน ความฝัน และความรัก อาจสร้างน้ำตาให้รื้นขึ้นมาเอ่อรอบดวงตาในบางครั้ง แต่ ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก ก็มีพลังมากเพียงพอที่จะสร้างเสริมแรงใจและแรงบันดาลใจให้กับทุกคนที่ได้ชมมันอย่างไม่อาจปฏิเสธได้
“ลมพัดแรงกล้า เราจึงอยู่ท้าแรงลม”
ชื่อภาพยนตร์: The Wind Rises / ปีกแห่งฝัน วันแห่งรัก / Kaze tachinu
ผู้กำกับภาพยนตร์: Hayao Miyazaki
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Hayao Miyazaki (comic), Hayao Miyazaki (screenplay)
พากย์(อังกฤษ): Joseph Gordon-Levitt, John Krasinski, Emily Blunt
พากย์(ญี่ปุ่น): ฮิเดอากิ อันโนะ, มิโมริ ทาคิโมโตะ, ฮิเดโตชิ นิชิจิม่า, โนมุระ มันไซ
แนว/ประเภท: Animation, Biography, Drama
ความยาว: 126 นาที
เรท: ไทย/ท , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: กรกฎาคม 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Studio Ghibli, Toho Company, M Picture