รีวิว Violet Evergarden
สงครามสิ้นสุดลงแล้วและไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดนก็ต้องหางานทำ ท่ามกลางบาดแผลและสภาพไร้ความรู้สึก เธอตัดสินใจทำงานเป็นนักเขียนจดหมายเพื่อเข้าใจตัวตนและอดีตของตัวเอง “ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เดน” สาวน้อยที่เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือสังหารในสงคราม ราวกับตุ๊กตาหรือเครื่องจักรที่ไร้ความรู้สึก ไร้จิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์
ที่คอยรับคำสั่งแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง เธอจึงถูกดูแลโดยผู้พันฮอดจ์กินในบริษัทไปรษณีย์และออโตเมโมรี่ดอลล์นักเขียนจดหมายเพื่อถ่ายทอดความรู้สึกให้ผู้คนมากมาย และเพื่อที่เข้าใจตัวตน อดีตของตัวเอง และความหมายของความว่า “ฉันรักเธอ” ของผู้พันกิลเบิร์ตที่ได้บอกกล่าวกับเธอก่อนจะหายตัวไปลงสงครามยุติลง
ในช่วงแรกตัวเรื่องจะพยายามทำให้เราเห็นและเข้าใจตัวตนของไวโอเล็ตที่ยังคงไร้ความรู้สึกราวกับตุ๊กตาผ่านมุมมองของตัวละครตัวอื่นเสียก่อน เธออาจจะถูกตัดสินจากภายนอกและแขนเทียมที่ใช้ในการพิมพ์จดหมายโดยที่ยังไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกความผู้ส่งได้ดีมากนัก แต่เมื่อเธอพยายามตามหาความหมายของคำว่า “รัก” โดยการส่งต่อความรู้สึกระหว่างผู้ส่งและผู้รับองผู้คนมากมายผ่านทางการเขียนจดหมายจากการออกเดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ
ตัวเธอนั้นกลับพบกลับค้นพบความเจ็บปวดมากมายจากอดีตของเธอในสงครามที่ผ่านมาแทน ซึ่งตัวเรื่องก็สามารถถ่ายทอดความเจ็บปวด ความสูญเสีย ความเศร้าโศก ของสงครามได้แบบร้านราวใจและสะเทือนใจเสียมากๆ เพราะสงครามได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างมากมายของผู้คน พรากลูกจากพ่อแม่ พรากพ่อไปจากลูกน้อย พรากความสัมพันธ์ไป
จากคนรัก และนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอเคยพรากมันเป็นเมื่อสมัยที่เธอยังเคยเป็นเครื่องมือสังหารมาก่อน มันเลยกลายเป็นบาดแผลที่กัดกินหัวใจของเธอ แม้เธอจะเริ่มเข้าใจตัวตนของตัวเองและความหมายคำว่า “ฉันรักเธอ” ก็ตาม แม้เธอจะเปลี่ยนแปลงอดีตตัวเองไม่ได้ แต่เธอก็พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ยอมรับกับความเจ็บปวดและก้าวเดินต่อไป
นอกจากจะมีเนื้อหาที่กินใจความรู้สึกของคนดูแล้ว ตัวอนิเมะเรื่องนี้ก็มีงานภาพที่สวยงดงามราวกับงานศิลป์ชั้นเลิศแล้ว องค์ประกอบที่รวมกันหลายๆ อย่าง ก็ช่วยดันให้ตัวเรื่องถ่ายทอดอารมณ์ได้อย่างละมุนละไม ไม่ว่าจะเป็นเพลงดนตรีประกอบที่ไพเราะทำให้เราดื่มด่ำกับบรรยายกาศของเรื่อง อินเนอร์อารมณ์ความรู้สึกของนักพากย์ก็ถ่ายทอดออกมาให้เรารู้สึกถึงความเศร้า ความเจ็บปวด ความสุข ตามตัวละครราวกับเราเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวในแต่ละตอนที่ตัวเรื่องได้ถ่ายทอดออกมา
Violet Evergarden ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เด้น รีวิว อนิเมะระดับมาสเตอร์พีซ ผลงานน้ำดีของสตูดิโอชื่อดังอย่าง Kyoto Animation ฉายใน Netflix ครบ 13 ตอน + 1 Special + 1 Movie
Violet Evergarden อนิเมะน้ำดี ที่เป็นผลงานโดยสตูดิโอชื่อดังอย่าง Kyoto Animation ซึ่งฉายไปตั้งแต่ปี 2018 ดัดแปลงจากนิยาย Light Novel ต้นฉบับโดย Kana Akatsuki งานกำกับโดย Taichi Ichidate ซึ่งเคยมีผลงานการกำกับประจำตอนให้กับอนิเมะของ Kyoto Animation (หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า เกียวอนิ) มากมายหลายเรื่อง
สำหรับผลงานเรื่องนี้จัดว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซเรื่องหนึ่งในวงการอนิเมะและเป็นหนึ่งในผลงานยอดเยี่ยมที่สุดของเกียวอนิ ได้รับทั้งรางวัลและเป็นกระแสไม่น้อยในช่วงที่ออกฉาย แล้วยังโดดเด่นมากในด้านงานภาพซึ่งมีความพลิ้วไหวสวยงามมากจนถึงขนาดที่หลายฝ่ายยกย่องให้เป็นอนิเมะที่มีโปรดักชั่นด้านงานภาพอลังการและยอดเยี่ยม งดงามที่สุดในรอบทศวรรษเลยทีเดียว เรียกว่าแม้เรื่องนี้จะเป็นผลงานอนิเมะซีรีส์ แต่ด้านคุณภาพของงานสร้างอยู่ในระดับภาพยนตร์อนิเมชั่นเลยก็ว่าได้
รีวิว Violet Evergarden
เรื่องราวของโลกแฟนตาซีที่เซตติ้งคล้ายกับทวีปยุโรปในสมัยศตวรรษที่ 19 กล่าวถึงเรื่องราวหลังยุคสงครามสิ้นสุดลง ซึ่งในช่วงเวลานั้นได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่พัฒนาจักรกลที่เรียกว่า ออโต้เมโมรี่ดอลล์ (Auto Memory Dolls) ซึ่งเป้าหมายก็คือเพื่อช่วยภรรยาที่สูญเสียการมองเห็นสามารถพิมพ์นิยายของเธอจากเครื่องพิมพ์ดีดได้ ต่อมาจึงมีการพัฒนาเครื่องจักรกลเพื่อนำไปใช้ในกองทัพ
ซึ่งในเรื่องราวจะเล่าผ่านตัวเอก ไวโอเล็ต หญิงสาวที่เป็นเด็กกำพร้าแล้วถูกนำตัวไปรบในสงคราม เธอถูกฝึกจนเสมือนเป็นเครื่องจักรไร้ความรู้สึก แต่มีศักยภาพในการต่อสู้ การใช้อาวุธ และพร้อมทำตามคำสั่งทุกอย่างโดยไร้อารมณ์แสดงออก ซึ่งในกองทัพเธอได้ทำงานขึ้นตรงกับ ผู้พันกิลเบิร์ต
แต่แล้วทั้งสองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสในระหว่างทำภารกิจในสงครามแล้วทั้งสองก็ต้องพลัดพรากจากกัน
ไวโอเล็ตเสียแขนทั้งสองข้าง จึงได้รับการผ่าตัวใส่แขนเทียมเหล็กไว้ ซึ่งเธอก็ได้ไปอยู่ในความดูแลของป้าของกิลเบิร์ต แล้วได้ใช้นามสกุล ไวโอเล็ต แต่แล้วเธอก็ได้ไปทำงานให้กับผู้พันฮอตกินส์ เพื่อนของกิลเบิร์ตที่ได้ออกมาเปิดกิจการบริษัทไปรษณีย์
เนื่องจากไวโอเล็ตเกิดความสงสัยและอยากรู้ถึงการทำงานของเหล่าออโต้เมโมรี่ดอลล์ ที่เป็นเหล่าผู้หญิงที่รับงานเขียนจดหมายแทนผู้คน ซึ่งการเขียนเหล่านั้นไม่ใช่แค่การสื่อสารเนื้อหาธรรมดา แต่จะต้องใส่ความรู้สึกนึกคิดลงไปเพื่อช่วยสื่อสารในสิ่งที่ผู้คนยากจะบอกออกมาได้
รวมถึงตัวเธอเองที่ไม่เข้าใจความหมายของคำพูดสุดท้ายที่ผู้พันกิลเบิร์ตได้ถ่ายทอดออกมา เธอจึงได้เข้าทำงานในฐานะออโต้เมโมรี่ดอลล์ในบริษัทของฮอตกินส์
นี่จึงเป็นจุดเริ่มต้นของ ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เด็น ในฐานะออโต้เมโมรี่ดอลล์มือใหม่ ที่จะได้พบเจอผู้คนมากมาย ที่ต้องการถ่ายทอดสิ่งที่เวลาปกติไม่สามารถพูดออกมาได้ให้ผ่านลงบนจดหมาย ซึ่งเรื่องราวก็จะมีทั้ง สุข เศร้า เหงา การพบเจอและการลาจาก คละเคล้าปนกันไป รวมถึงตัวไวโอเล็ตที่จะค่อยๆเรียนรู้การแสดงอารมณ์ความรู้สึกของเธอออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
ความรู้สึกหลังดู
ไวโอเล็ต เอเวอร์การ์เด้น
เธอเป็นหญิงสาวผู้เงียบขรึม มีรูปลักษณ์งดงามโดดเด่น ทุกคำพูดและกริยาท่าทางล้วนสง่างามโดดเด่นมากๆชนิดที่บรรดาตัวละครในเรื่องก็ยังยอมรันกัน แต่ที่จริงแล้วอดีตของเธอเป็นเด็กกำพร้าที่เคยต้องเข้ามาเป็นทหารในสงคราม ซึ่งเธอถูกใช้ในฐานะเครื่องจักรสงครามที่รู้จักแค่การทำตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาเท่านั้น
หลังจากสงครามจบ ไวโอเล็ตที่เสียแขนทั้งสองข้างไปได้รับการผ่าตัดใส่แขนเทียมเหล็กเข้ามาแทน แล้วก็ต้องแยกจากผู้พันกิลเบิร์ต จากนั้นเธอก็ได้มาอยู่กับผู้พันฮอตกินส์ที่เป็นเพื่อนของผู้พัน
เนื่องจากเธอไม่ค่อยเข้าใจความหมายของคำพูดสุดท้ายที่ผู้พันกิลเบิร์ตได้ถ่ายทอดออกมาในระหว่างสงคราม ช่วงที่ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วก็ไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตหรือไม่ ซึ่งคำที่ผู้พันถ่ายทอดให้นั้นคาใจเธอมาตลอด เธอเห็นว่าหากได้ทำงานเป็นออโต้เมโมรี่ดอลล์ อาจจะทำให้เธอเข้าใจความหมายในคำพูดของผู้พันก็ได้ จึงได้เข้าทำงานในบริษัทของฮอตกินส์ในฐานะออโต้เมโมรี่ดอลล์นับตั้งแต่นั้น
สำหรับตัวละครให้เสียงพากย์โดย Yui Ichikawa ที่มีผลงานดังในบทของ มิคาสะ จากเรื่อง Attack on Titan
กิลเบิร์ต บูเกนวิลเลีย
กิลเบิร์ตเป็นนายทหารระดับสูง ยศผู้พัน มาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง เขาเก็บไวโอเล็ตมาดูแล แม้จะสงสารเธอ แต่ก็เข้าใจตัวตนในฐานะทหารของเธอ จึงใช้งานเธอในฐานะทหารระหว่างสงคราม
คำพูดสุดท้ายที่เขาถ่ายทอดให้ไวโอเล็ตในระหว่างบาดเจ็บสาหัส ได้กลายเป็นแรงขับเคลื่อนที่ทำให้ไวโอเล็ตอยากจะเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์ เขาได้มอบเครื่องรางเป็นจี้ไว้ให้กับไวโอเล็ต ซึ่งมันกลายเป็นของสำคัญของเธอหลังจากนั้น ความปรารถนาอย่างหนึ่งของเขาคืออยากให้ไวโอเล็ตได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กสาวธรรมดา ไม่ต้องคอยรับคำสั่งทางทหาร หรือกระทั่งคำสั่งของเขาอีก
คลาวเดีย ฮอตกินส์
อดีตนายทหารที่ได้ออกมาเปิดกิจการบริษัทไปรษณีย์ เป็นเพื่อนสนิทกับกิลเบิร์ต เขาเป็นคนจิตใจดี รู้และเข้าใจปัญหาของไวโอเล็ตพอสมควร จึงรับเธอมาทำงานด้วยในฐานะออโต้เมโมรี่ดอลล์ ที่จะต้องรับงานจากลูกค้ามาเขียนจดหมายเพื่อส่งให้ตามที่ต้องการ เขายังรับฝากความต้องการจากกิลเบิร์ตที่อยากให้ไวโอเล็ตใช้ชีวิตด้วยตนเองโดยไม่ต้องคอยรับคำสั่งจากใครอีก
แคทเทลียา บลาวเดเลีย
ออโต้เมโมรี่ดอลล์ รุ่นพี่ของพวกไวโอเล็ตในบริษัท เป็นดาวเด่นที่มีลูกค้าเข้ามาจ้างงานจำนวนมากที่สุด เดิมเคยเป็นนักเต้นที่รู้จักกับฮอตกินส์และสนิทสนมกันมาก่อนตั้งแต่ก่อนตั้งบริษัท ถือว่าเป็นพนักงานคนแรกๆของบริษัทก็ว่าได้ ในช่วงที่ไวโอเล็ตเพิ่งเริ่มทำงาน เธอมีส่วนช่วยเหลือไม่น้อย
เบเนดิกซ์ บลู
บุรุษไปรษณีย์ของบริษัท มีนิสัยเป็นกันเอง รู้จักกับฮอตกินส์มาตั้งแต่ก่อนตั้งบริษัทเช่นเดียวกับแคทลียา จึงได้มาร่วมงานด้วย เขาให้ความสนใจต่อไวโอเล็ตในช่วงแรกไม่น้อย แต่อันที่จริงแล้วเขาดูเหมือนจะแอบชอบแคทลียาอยู่ด้วย
เอริกา บราวน์
หนึ่งในดอลล์ของบริษัท มีปัญหาเรื่องการสื่อสารกับลูกค้า แต่กลับเข้าใจการสื่อสารของไวโอเล็ตได้ในช่วงแรก และยังช่วยแนะนำเรื่องต่างๆให้กับไวโอเล็ตด้วย
ไอรีส คานนารี่
หนึ่งในดอลล์ของบริษัท เป็นเด็กสาวที่มาจากชนบทเพื่อทำตามความฝันในการเป็นดอลล์ แต่ยังไม่ได้ถูกจ้าง ช่วงแรกจึงไม่ค่อยพอใจไวโอเล็ตที่มาพร้อมความสามารถระดับสูงเท่าไรนัก แต่ภายหลังจากได้ร่วมงานกับไวโอเล็ตแล้ว ก็เริ่มเปิดใจให้มากขึ้น
ดายฟรีด บูเกนวิลเลีย
พี่ชายของกิลเบิร์ต นายทหารระดับสูง ซึ่งไม่ค่อยพอใจคำสั่งจากเบื้องบนมากนัก เขาเป็นห่วงน้องชายและไม่ค่อยพอใจไวโอเล็ตในฐานะของทหารจักรกลที่ทำเป็นแต่การรับคำสั่งแล้วก็ยังปกป้องน้องชายเขาไม่ได้ แต่ภายหลังเขาก็ยอมเปิดใจให้กับไวโอเล็ตหลังจากได้มาทำภารกิจทางทหารร่วมกัน
ที่จริงโดยพล็อตเรื่อง เนื้อหาต่างๆ ไม่ได้มีอะไรโดดเด่นมากนัก การเซตติ้งโลกในเรื่องก็เป็นการวางไว้หลวมๆ ไม่ได้เจาะลึกอะไรมากนัก ซึ่งโลกในเรื่องจะเป็นโลกสมมติที่คล้ายกับยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ตรงส่วนนี้ก็ไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้ เพราะสิ่งที่เรื่องต้องการนำเสนอคืออารมณ์ที่จะถูกสื่อสารและถ่ายทอดออกมาในเรื่องราวแต่ละตอน จากภารกิจที่นางเอกของเราคือ ไวโอเล็ต จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง และพบเจอกับผู้คนต่างๆ
ซึ่งสิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือพัฒนาการทางด้านการแสดงออกทางอารมณ์ของไวโอเล็ต ที่จะเปลี่ยนไปทีละนิดๆ จากเด็กสาวที่หน้านิ่งเหมือนหุ่นยนต์ในตอนแรกของเรื่อง และตรรกะวิธีคิดที่ไม่เหมือนเด็กสาวทั่วไป ต้องคอยรับคำสั่งอย่างเดียว ก็เริ่มที่จะเข้าใจความรู้สึกของผู้คนอื่นๆมากขึ้น และเริ่มที่จะคิดและตัดสินใจด้วยตนเอง แถมยังสามารถเป็นกำลังใจให้ผู้คนแปลกหน้าต่างๆที่มีชีวิตไม่เหมือนกันได้ด้วย
สมกับเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่นที่ได้รางวัลต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่คมคายและกินใจ เพลงประกอบอันแสนไพเราะ ข้อความในจดหมายที่สื่อออกมา มันแฝงไปด้วยความรู้สึกต่างๆ ทั้งความสุข ความเศร้า ความเหงา ความรัก ควาามเจ็บปวด และความสูญเสียของสงคราม
ทุกอย่างมันสามารถเรียกน้ำตาจากคนดูได้อย่างง่ายดาย มันเป็นสัจธรรมของการพลัดพรากและการก้าวต่อไปของชีวิต ผ่านมุมมองของตัวละครที่ต้องการเข้าใจตัวตนและความหมายของคำว่า “รัก” และความรู้สึกมากมายของเหล่าผู้คนผ่านทางข้อความในจดหมายจากผู้ส่งถึงผู้รับ
มันเป็นความอบอุ่นหัวใจปนเศร้าได้อย่างลงตัว นี่เป็นแอนิเมชั่นชั้นเลิศที่พี่แว่นแนะนำอยากให้ดูสักครึ่งหนึ่งในชีวิตเลยครับ
การนำเสนอเรื่องต่างๆค่อนข้างดีคับ มีความล้ำลึกต่างๆและภาพเองก็สวยมาก
รูปแบบการนำเสนอเรื่องทำให้เราเข้าถึงอารมความรู้สึกที่ว่างเปล่าของไวโอเล็ตได้อย่างดีและชวนติดตามมาก และเราจะเห็นการพัฒนาความรู้สึกของเธอที่ละน้อยๆ
เพลงประกอบต่างก็เพราะมากเข้ากับเรื่องได้อย่างดี เนื้อเรื่องไม่ปวดตับด้วยนะคับ เพราะเรื่องมันจะไม่ยิงความปวดหนักๆแบบเรื่องอื่นจะเป็นแนว ซึ้งๆมากกว่า ภาพเองก็สวยมาก เป็นเรื่องที่ประยุกย์2.5D กับ2Dดีมาก ผมเห็นงานพริ้วๆแบบนี้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวหละ
ก็ถือว่าเป็นอนิเมะที่น่าจับตามองเรื่องหนึ่งนะคับ ตอนนี้ออกมา3ตอนต้องตามดูยาวๆหละ
ถ้าใครชอบอเนิเมะที่เน้นคุณภาพ หรือชอบสาวคูล(ไวโอเล็ตนี้ น่ารักมากนะสำหรับสาวคูลแล้วเจ้าตัวค่อนข้างจะไร้เดียงสามากด้วย ประมาณนางาโตะ ยูกิมั่งนิสัย
ถ้าอยากเสพงานภาพสวยๆ เนื้อเรื่องดีและการนำเสนอลำลึกแนะนำเรื่องนี้